เศรษฐกิจของอินเดียยังสามารถเติบโตได้ในระยะยาว
เงินรูปีอินเดียอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงก็ตาม เนื่องจากเหล่านักลงทุนและนักวิเคราะห์ยังคงมองว่าทางธนาคารกลางอินเดียอาจไม่เข้าแทรกแซงค่าเงินในเร็วๆ นี้ เพื่อสนับสนุนให้การส่งออกของอินเดียสามารถกินส่วนแบ่งในตลาดโลกได้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอินเดียคาดการณ์ไว้แล้วว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น
ธนาคารกลางอินเดียคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 6.5% นับว่าเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 9 ติดต่อกัน เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมายที่ 4% ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนส่วนใหญ่ยังคงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังคงคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2024 และ 2025 ไว้ที่ 7.2%
PMI ภาคการผลิตอินเดียลดลงเหลือ 57.9 ในเดือนสิงหาคม ลดลงเล็กน้อยจาก 58.1 ในเดือนก่อนหน้า นับว่าเป็นการอัตราการขยายตัวที่ลดลงอีกครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว โดยการเติบโตของคำสั่งซื้อใหม่และคำสั่งซื้อส่งออกยังคงทรงตัว ในขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเล็กน้อย
PMI ภาคบริการของอินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 60.4 ในเดือนสิงหาคม โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกิจกรรมในภาคบริการอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจต่างๆ โดยผลผลิตที่สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันที่คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
ด้านอัตราเงินเฟ้อพบว่าลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 3.54% ในเดือนกรกฎาคม จาก 5.08% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.65% ซึ่งจะส่งผลตีต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยการลดลงอย่างรวดเร็วนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ดีขึ้น ทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนต่างๆ ได้ดีมากขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปี อยู่ต่ำกว่า 6.86% ซึ่งคงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี เนื่องมาจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และนโยบายการเงินที่สนับสนุนเศรษฐกิจของอินเดียอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลอินเดียทำให้ GDP ของอินเดียจะขยายตัว 8.2% ในปี 2024 และยังทำให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 83.974, 83.985, 84.006
แนวรับสำคัญ: 83.941, 83.919, 83.908
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 83.919 - 83.941 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.941 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.985 และ SL ที่ประมาณ 83.908 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.974 - 83.985 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 84.006 และ SL ที่ประมาณ 83.919 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.974 - 83.985 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.974 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.919 และ SL ที่ประมาณ 84.006 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.919 - 83.941 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.908 และ SL ที่ประมาณ 83.985 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 28 สิงหาคม 2567 19:58 น. GMT+7
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
Classic | 83.908 | 83.919 | 83.941 | 83.952 | 83.974 | 83.985 | 84.006 |
Fibonacci | 83.919 | 83.932 | 83.939 | 83.952 | 83.965 | 83.972 | 83.985 |
Camarilla | 83.952 | 83.955 | 83.958 | 83.952 | 83.964 | 83.967 | 83.97 |
Woodie's | 83.912 | 83.921 | 83.945 | 83.954 | 83.978 | 83.987 | 84.01 |
DeMark's | - | - | 83.946 | 83.954 | 83.979 | - | - |