บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 2 กันยายน 2567

Create at 2 months ago (Sep 02, 2024 10:17)

ECB คาดลดอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ในเดือนสิงหาคม เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 2.1% ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

ทางด้าน UBS เน้นย้ำว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้าและการป้องกันประเทศ โดยไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นไปในทิศทางใด ข้อตกลงการค้าสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปก็คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาลของทรัมป์อาจมุ่งเน้นไปที่มาตรการคุ้มครองการค้า ท่ามกลางการลงเลือกตั้งของแฮร์ริสที่คาดว่าจะรักษาความต่อเนื่องของนโยบายการค้าและการป้องกันประเทศ ซึ่งอาจมอบเสถียรภาพให้กับนักลงทุนในยุโรปได้

โดยประเทศต่างๆ ในยุโรปกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการพึ่งพาตนเองมากขึ้นในด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งขับเคลื่อนโดยวิกฤตพลังงานและความขัดแย้งในยูเครน ท่ามกลางการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้งบประมาณของยุโรปตึงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ลดลง

ทั้งนี้ ECB คาดว่าจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อของโซนยูโรที่ลดลงเหลือ 2.2% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์แนะนำถึงการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเตือนว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะมีการตัดสินใจเพิ่มเติม โดยการลดลงของอัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ลดลง ท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของแนวโน้มดังกล่าว

โดยแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะผ่อนคลายลง แต่เขตยูโรก็ยังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น การเติบโตของค่าจ้างที่ช้าลง อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการให้สินเชื่อและการลงทุนที่อ่อนแอลง ขณะที่จุดเน้นหลักของ ECB ยังคงเป็นการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% แต่ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในวงกว้างอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางนโยบายได้ในอนาคต

โดยจากการสำรวจของ ECB พบว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในเขตยูโรยังคงทรงตัวในเดือนกรกฎาคม โดยมีการคาดการณ์ค่ามัธยฐานที่ 2.8% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เสถียรภาพดังกล่าวควบคู่ไปกับกิจกรรมทางธุรกิจที่ยังคงความยืดหยุ่นในเดือนสิงหาคม อาจทำให้ ECB ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนสิงหาคม โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.0% จาก 2.6% ในเดือนกรกฎาคม จากราคาพลังงานที่ลดลง ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในรัฐสำคัญหลายแห่งของเยอรมนี รวมถึงนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับตลาดแรงงานของเยอรมนีพบอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดในเดือนสิงหาคม โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ 6.0% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่หดตัวเล็กน้อย 0.1% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เน้นย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจซบเซา

ทางด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีคาดว่าจะลดลงในเดือนกันยายนเนื่องจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ความเชื่อมั่นของธุรกิจยังคงลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนสิงหาคม บ่งชี้ถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ ราคาบ้านในเยอรมนี คาดว่าจะทรงตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2025 จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งลดลงอย่างมากในช่วงการระบาดได้ส่งสัญญาณการฟื้นตัว จากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง

อีกด้าน อิตาลีกำลังดำเนินการจัดทำแผนงบประมาณระยะกลางซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดอัตราส่วนการขาดดุลต่อ GDP ให้ต่ำกว่าเพดาน 3% ของสหภาพยุโรปภายในปี 2026 โดยแผนการคลังของอิตาลีได้ระบุแนวทางในการลดการขาดดุลจากที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 4.3% ของ GDP ในปี 2024 เหลือ 3.6% ในปี 2025 และลดลงอีกเหลือ 2.9% ในปี 2026 ขณะที่ปัจจุบัน การขาดดุลของอิตาลีอยู่ที่ 7.4% ของ GDP ซึ่งสูงที่สุดในยูโรโซน โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือในการปรับปรุงบ้านเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างมากในวันจันทร์ โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนเริ่มประเมินความคาดหวังต่อการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ดังกล่าวเกิดจากการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เกี่ยวกับขอบเขตของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยปัจจุบันนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะผ่อนปรนนโยบายน้อยลง ขณะที่ความสนใจได้เปลี่ยนไปที่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด

ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ ซึ่งได้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม หลังจากการรายงานอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่ทรงตัว ได้ทำให้โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุด (bps) ในการประชุมวันที่ 18 กันยายนลดลง ท่ามกลางตลาดที่เอนเอียงไปที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเล็กน้อยที่ 25 จุด

ทั้งนี้ แรงส่งของดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้นได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ ซึ่งระบุว่าการใช้จ่ายส่วนบุคคลและรายได้เพิ่มขึ้น โดยดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ โดยข้อมูลเงินเฟ้อที่ทรงตัว ประกอบกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงความแข็งแกร่ง และอาจส่งผลให้ความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลง

ทางด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังแสดงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภครายเดือนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนขยับขึ้นแตะระดับ 67.9 ในเดือนสิงหาคม จากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 66.4 ในเดือนกรกฎาคม ทำลายสถิติการลดลงในรอบ 4 เดือน โดยผลสำรวจระบุว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงลดลงในปีหน้า โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในอีก 1 ปีข้างหน้าจะลดลงเหลือ 2.8% จาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020

ขณะเดียวกัน ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นของราคาเล็กน้อยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัวและการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟด โดยตามการสำรวจของรอยเตอร์ คาดว่าราคาบ้านในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.4% ในปี 2024 และปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 3.3% ในปี 2025 ขณะที่ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงตึงตัว แต่การคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอุปทานที่อยู่อาศัยที่มีจำกัดคาดว่าจะยังคงหนุนตลาด

ทั้งนี้ ตลาดให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดรายงานเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจของเฟด โดยรายงานดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าเฟดจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 25 หรือ 50 จุดในการประชุมเดือนกันยายน ขณะที่สัญญาณของความอ่อนแอในตลาดแรงงานอาจจุดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้สร้างความกังวลให้กับตลาดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมและต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ โดยตัวบ่งชี้สำคัญอื่นๆ ของตลาดแรงงานก่อนการรายงานการจ้างงาน เช่น รายงานการเปิดรับสมัครงานของ Jolts ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP และการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ จะได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกัน จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรอาจยังคงแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และยังคงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่องในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนและความร้อนแรงระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.1054, 1.1056, 1.1059

แนวรับสำคัญ :  1.1048, 1.1046, 1.1043

1H Outlook

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1043 - 1.1048 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1048 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1056 และ SL ที่ประมาณ 1.1041 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1054 - 1.1059 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1066 และ SL ที่ประมาณ 1.1046 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1054 - 1.1059 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1054 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1048 และ SL ที่ประมาณ 1.1061 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1043 - 1.1048 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1035 และ SL ที่ประมาณ 1.1056 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 2, 2024 10:01AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.104 1.1043 1.1048 1.1051 1.1056 1.1059 1.1064
Fibonacci 1.1043 1.1046 1.1048 1.1051 1.1054 1.1056 1.1059
Camarilla 1.1051 1.1052 1.1053 1.1051 1.1054 1.1055 1.1056
Woodie's 1.1042 1.1044 1.105 1.1052 1.1058 1.106 1.1066
DeMark's - - 1.105 1.1052 1.1058 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES