บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 3 กันยายน 2567

Create at 1 week ago (Sep 03, 2024 10:08)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เตรียมพร้อมรับรายงานการจ้างงาน หุ้นเทคโนโลยีร่วงท่ามกลางความกังวลการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ตลาดโลกปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในรอบสัปดาห์ ซึ่งรวมถึงรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนในเดือนสิงหาคม ขณะที่ข้อมูลในวันจันทร์เน้นย้ำถึงกิจกรรมภาคการผลิตที่อ่อนแอในยูโรโซน

ท่ามกลางข้อกังวลเหล่านี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกลับเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน จากความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

การฟื้นตัวของตลาดโดยรวมตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับหุ้นเทคโนโลยีที่ครองตลาด ขณะที่เงินยังไหลเข้าสู่หุ้นมูลค่าและหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Bank of America เตือนว่าในอดีต เดือนกันยายนและตุลาคมเป็นเดือนที่มีความผันผวน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดอาจทำให้เกิดภาวะช็อกในตลาดได้

ทางด้านยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีพบการลดลงในเดือนสิงหาคมเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนด้าน AI และความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้เป็นภาคส่วนธุรกิจที่เสี่ยงต่อการปรับฐาน โดยมูลค่าตลาดของ Alphabet ลดลง 4.7% ท่ามกลางยอดขายโฆษณาบน YouTube ที่ชะลอตัว คำตัดสินต่อต้านการผูกขาด และการแข่งขันจาก OpenAI ขณะที่มูลค่าตลาดของ Amazon ลดลง 4.5% เนื่องจากยอดขายออนไลน์ที่ชะลอตัว และมูลค่าตลาดของ Tesla ลดลง 7.7% หลังจากรายได้ไตรมาส 2 ที่ลดลงและความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของแคนาดาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน นอกจากนี้ ยังพบว่ามูลค่าตลาดของ Nvidia ลดลง 7.7% เหลือ 2.92 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม หลังจากมีการคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 จะต่ำกว่าที่คาดไว้

ในทางกลับกัน มูลค่าตลาดของ Eli Lilly พุ่งสูงขึ้นเกือบ 20% ซึ่งขับเคลื่อนโดยยอดขายที่แข็งแกร่งและการเปิดตัวยาลดน้ำหนักที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท ท่ามกลางมูลค่าตลาดของ Berkshire Hathaway ที่ทะลุ ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของนักลงทุน ในขณะที่มูลค่าตลาดของ Meta เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากรายได้ไตรมาส ที่ดีกว่าที่คาดไว้และการคาดการณ์ในแง่ดีสำหรับไตรมาสหน้า ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีความสำคัญต่อทิศทางของตลาด หลังจากที่รายงานภาคแรงงานในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งต่ำกว่าที่คาด ได้ส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง จากข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของ ISM ที่สร้างความผิดหวัง และแม้ว่าสำนักงานสถิติแรงงานจะระบุว่าพายุเฮอริเคนเบริลไม่ได้ส่งผลกระทบต่อข้อมูลการจ้างงาน แต่การสำรวจครัวเรือนแสดงให้เห็นว่าประชาชนกว่า 436,000 คนไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ยังพบประชาชนกว่า 249,000 รายที่ถูกเลิกจ้างชั่วคราว ซึ่งส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงต่างกระตือรือร้นที่จะจับตาดูว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงชั่วคราวจริงหรือไม่

ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าตลาดในปัจจุบันกำลังเผชิญความเปราะบางที่จะเข้าสู่ภาวะตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากผลงานที่ต่ำกว่าคาดของหุ้นวัฏจักรเมื่อเทียบกับหุ้นปลอดภัย (Defensive) โดย Morgan Stanley เน้นย้ำว่า แม้ว่าตลาดพันธบัตรจะส่งสัญญาณของราคาที่อาจเกิดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดไว้แล้ว แต่ภาคส่วนธุรกิจวัฏจักร เช่น ภาคส่วนที่อยู่อาศัย การซื้อรถยนต์ และการใช้จ่ายบัตรเครดิต ยังคงไม่พบการตอบสนองใดๆ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงใช้ความระมัดระวัง

ทั้งนี้ พลวัตของตลาดในปัจจุบัน ยังคงมีศูนย์กลางอยู่ที่ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต ซึ่งต่างจากในอดีตที่เกิดจากความกลัวเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และเมื่อพิจารณาจากภาวะดังกล่าว Morgan Stanley จึงแนะนำให้เน้นหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพสูง และระมัดระวังในการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นวัฏจักรที่มักจะทำผลงานต่ำกว่าคาดในช่วงท้ายวัฏจักรที่ราคาอ่อนตัว

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 41518.9, 41525.7, 41536.8

แนวรับสำคัญ : 41496.7, 41489.9, 41478.8                   

1H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 41481.7 - 41496.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 41496.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41526.1 และ SL ที่ประมาณ 41474.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 41518.9 - 41533.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41576.8 และ SL ที่ประมาณ 41489.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 41518.9 - 41533.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 41518.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41497.1 และ SL ที่ประมาณ 41541.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 41481.7 - 41496.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41440.0 และ SL ที่ประมาณ 41526.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 3, 2024 09:48AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 41468.1 41478.8 41497.1 41507.8 41526.1 41536.8 41555.1
Fibonacci 41478.8 41489.9 41496.7 41507.8 41518.9 41525.7 41536.8
Camarilla 41507.5 41510.2 41512.8 41507.8 41518.2 41520.8 41523.5
Woodie's 41472.1 41480.8 41501.1 41509.8 41530.1 41538.8 41559.1
DeMark's - - 41502.5 41510.5 41531.5 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES