BoC คาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง
BofA Global Research คาดการณ์ว่าธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะปรับลดตราดอกเบี้ยลง 25 จุด เหลือ 4.25% ในวันที่ 4 กันยายน จากความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง โดยการปรับลดที่คาดการณ์ไว้นี้ สอดคล้องกับแนวโน้มของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง ขณะที่ BofA คาดการณ์ว่าอัตราจะลดลงต่อไปจนถึง 3.75% ภายในสิ้นปี 2024 และ 3.0% ภายในสิ้นปี 2025
ทั้งนี้ ความเปราะบางของเศรษฐกิจแคนาดาได้รับแรงกดดันจากการเติบโตของ GDP รายเดือนที่ไม่มากนักที่ 0.2% ในเดือนพฤษภาคมและประมาณ 0.1% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ยอดขายปลีกในเดือนมิถุนายนลดลง 0.3% โดยการประมาณการเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่ายอดขายปลีกในเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น 0.6%
ทางด้าน BofA Global Research คาดการณ์ว่า GDP ของแคนาดาจะเติบโต 2.0% ในอัตรารายปีที่ปรับตามฤดูกาลในไตรมาสที่ 2 ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซา โดยการเติบโตในไตรมาสที่ 2 นี้ขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น การลงทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริการ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณา GDP ต่อหัว พบว่าหดตัวติดต่อกันเป็นเวลา 5 ไตรมาส ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมภายใต้แรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง
นอกจากนี้ ตลาดแรงงานยังแสดงสัญญาณของความตึงเครียด โดยการจ้างงานลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัว แม้ว่าการจ้างงานแบบเต็มเวลาจะเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม แต่การลดลงของการจ้างงานนอกเวลาได้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มการจ้างงาน
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงเหลือ 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม จาก 2.7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงจาก 2.8% เหลือ 2.6% โดยการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อภาคบริการ โดยเฉพาะต้นทุนที่อยู่อาศัย ได้สนับสนุนจุดยืนของ BoC หลังจากผู้ว่าการ ทิฟ แม็กเล็ม ที่เคยระบุก่อนหน้านี้ว่าการผ่อนปรนอัตราเงินเฟ้ออาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยปัจจุบัน ตลาดการเงินคาดการณ์ว่ามีโอกาส 80% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกดบี้ยลง 25 จุดในวันที่ 4 กันยายน เพิ่มขึ้นจาก 77% ก่อนการเผยแพร่ข้อมูล และคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในช่วงปลายปี
สำหรับกิจกรรมการผลิตของแคนาดาเข้าใกล้การทรงตัวในเดือนสิงหาคม เนื่องจากการลดลงของการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัวลง โดยภาคส่วนนี้ยังคงหดตัวเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี PMI อยู่ที่ 49.5 ซึ่งเป็นช่วงที่หดตัวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2010 ท่ามกลางดัชนีการจ้างงานที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ 48.8 จาก 50.3 เน้นย้ำถึงความท้าทายและความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ในภาคส่วนนี้
ในภาคค้าปลีก ยอดขายของแคนาดาลดลง 0.3% ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกดดันผู้บริโภค ทำให้การใช้จ่ายสำหรับยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล และอุปกรณ์กีฬาลดลง
ในตลาดที่อยู่อาศัย คาดว่าราคาบ้านในแคนาดาจะเติบโตเพียงเล็กน้อยในปี 2024 และเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในปีต่อๆ ไป แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง แต่ความสามารถในการซื้อบ้านยังคงตึงตัว โดยราคาบ้านซึ่งลดลงเพียง 14% จากจุดสูงสุดหลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 55% ในช่วงการระบาด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในปี 2024 ซึ่งช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อ ที่โดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้
ทั้งนี้ ความสามารถในการซื้อบ้านอยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1990 ท่ามกลางอุปทานที่แสดงถึงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยพบโครงการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 16% ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ความต้องการที่อ่อนแอและการต่ออายุสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่กำลังจะมีขึ้น อาจทำให้การปรับขึ้นของราคาถูกจำกัด ขณะที่อุปทานอาจเพิ่มขึ้นได้จากผู้ซื้อที่ปรับตัวให้เข้ากับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ท่ามกลางความสามารถในการซื้อบ้านสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ยังคงไม่แน่นอน
ทางด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 กันยายน โดยปัจจุบัน พบโอกาส 63% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุด และมีโอกาส 37% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 100 จุดในปีนี้
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการเทขายในตลาดหุ้นและสกุลเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้รับประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางนักลงทุนที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ของการลงจอดทางเศรษฐกิจแบบรุนแรง
ทางด้านภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวในเดือนสิงหาคม โดยดัชนี PMI ของ ISM เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 47.2 แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ 50 เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน แม้ว่าการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่การลดลงของคำสั่งซื้อใหม่และสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคโรงงานยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของการก่อสร้างภาคเอกชนและที่อยู่อาศัย โดยการสร้างบ้านเดี่ยวลดลงต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเนื่องจากอัตราจำนองที่สูงและอุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยโดยรวมหดตัวในไตรมาสที่ 2
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโกคาดว่าอัตราเงินเฟ้อด้านที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ จะผ่อนคลายลง เนื่องจากช่องว่างระหว่างอุปทานและอุปสงค์ที่แคบลง ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันให้เงินเฟ้อโดยรวมลดลง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่อาศัยซึ่งมีส่วนสำคัญต่อแรงกดดันด้านราคาจะลดลงเหลือ 2% ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะทรงตัวใกล้ระดับเฉลี่ยก่อนเกิดโรคระบาดที่ 3.3%
ทั้งนี้ ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศปัจจุบัน ดอลลาร์แคนาดายังคงถือว่ามีมูลค่าที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการตัดสินใจของ BoC ที่กำลังจะมีขึ้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินนี้ จึงอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แคนาดายังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และอาจอ่อนค่าลงได้อีกเล็กน้อยจากความต่างของผลตอบแทนระหว่างสองประเทศ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD
แนวต้านสำคัญ : 1.3546, 1.3550, 1.3556
แนวรับสำคัญ : 1.3534, 1.3530, 1.3524
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3524 - 1.3534 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3534 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3547 และ SL ที่ประมาณ 1.3519 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3546 - 1.3551 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3564 และ SL ที่ประมาณ 1.3529 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3546 - 1.3551 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3546 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3531 และ SL ที่ประมาณ 1.3556 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3524 - 1.3534 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3514 และ SL ที่ประมาณ 1.3551 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 4, 2024 10:00AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.3514 | 1.3524 | 1.3531 | 1.354 | 1.3547 | 1.3556 | 1.3564 |
Fibonacci | 1.3524 | 1.353 | 1.3534 | 1.354 | 1.3546 | 1.355 | 1.3556 |
Camarilla | 1.3534 | 1.3535 | 1.3537 | 1.354 | 1.354 | 1.3542 | 1.3543 |
Woodie's | 1.3514 | 1.3524 | 1.3531 | 1.354 | 1.3547 | 1.3556 | 1.3564 |
DeMark's | - | - | 1.3528 | 1.3538 | 1.3544 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ