บทวิเคราะห์ USD/CAD วันที่ 4 กันยายน 2567

Create at 1 month ago (Sep 04, 2024 10:32)

BoC คาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

BofA Global Research คาดการณ์ว่าธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะปรับลดตราดอกเบี้ยลง 25 จุด เหลือ 4.25% ในวันที่ 4 กันยายน จากความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง โดยการปรับลดที่คาดการณ์ไว้นี้ สอดคล้องกับแนวโน้มของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง ขณะที่ BofA คาดการณ์ว่าอัตราจะลดลงต่อไปจนถึง 3.75% ภายในสิ้นปี 2024 และ 3.0% ภายในสิ้นปี 2025

ทั้งนี้ ความเปราะบางของเศรษฐกิจแคนาดาได้รับแรงกดดันจากการเติบโตของ GDP รายเดือนที่ไม่มากนักที่ 0.2% ในเดือนพฤษภาคมและประมาณ 0.1% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ยอดขายปลีกในเดือนมิถุนายนลดลง 0.3% โดยการประมาณการเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่ายอดขายปลีกในเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น 0.6%

ทางด้าน BofA Global Research คาดการณ์ว่า GDP ของแคนาดาจะเติบโต 2.0% ในอัตรารายปีที่ปรับตามฤดูกาลในไตรมาสที่ 2 ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซา โดยการเติบโตในไตรมาสที่ 2 นี้ขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น การลงทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริการ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณา GDP ต่อหัว พบว่าหดตัวติดต่อกันเป็นเวลา 5 ไตรมาส ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมภายใต้แรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง

นอกจากนี้ ตลาดแรงงานยังแสดงสัญญาณของความตึงเครียด โดยการจ้างงานลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัว แม้ว่าการจ้างงานแบบเต็มเวลาจะเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม แต่การลดลงของการจ้างงานนอกเวลาได้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มการจ้างงาน

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงเหลือ 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม จาก 2.7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงจาก 2.8% เหลือ 2.6% โดยการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อภาคบริการ โดยเฉพาะต้นทุนที่อยู่อาศัย ได้สนับสนุนจุดยืนของ BoC หลังจากผู้ว่าการ ทิฟ แม็กเล็ม ที่เคยระบุก่อนหน้านี้ว่าการผ่อนปรนอัตราเงินเฟ้ออาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยปัจจุบัน ตลาดการเงินคาดการณ์ว่ามีโอกาส 80% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกดบี้ยลง 25 จุดในวันที่ 4 กันยายน เพิ่มขึ้นจาก 77% ก่อนการเผยแพร่ข้อมูล และคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในช่วงปลายปี

สำหรับกิจกรรมการผลิตของแคนาดาเข้าใกล้การทรงตัวในเดือนสิงหาคม เนื่องจากการลดลงของการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ชะลอตัวลง โดยภาคส่วนนี้ยังคงหดตัวเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี PMI อยู่ที่ 49.5 ซึ่งเป็นช่วงที่หดตัวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2010 ท่ามกลางดัชนีการจ้างงานที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ 48.8 จาก 50.3 เน้นย้ำถึงความท้าทายและความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ในภาคส่วนนี้

ในภาคค้าปลีก ยอดขายของแคนาดาลดลง 0.3% ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกดดันผู้บริโภค ทำให้การใช้จ่ายสำหรับยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล และอุปกรณ์กีฬาลดลง

ในตลาดที่อยู่อาศัย คาดว่าราคาบ้านในแคนาดาจะเติบโตเพียงเล็กน้อยในปี 2024 และเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในปีต่อๆ ไป แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง แต่ความสามารถในการซื้อบ้านยังคงตึงตัว โดยราคาบ้านซึ่งลดลงเพียง 14% จากจุดสูงสุดหลังจากที่พุ่งขึ้นเกือบ 55% ในช่วงการระบาด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในปี 2024 ซึ่งช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อ ที่โดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้

ทั้งนี้ ความสามารถในการซื้อบ้านอยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1990 ท่ามกลางอุปทานที่แสดงถึงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยพบโครงการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 16% ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ความต้องการที่อ่อนแอและการต่ออายุสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่กำลังจะมีขึ้น อาจทำให้การปรับขึ้นของราคาถูกจำกัด ขณะที่อุปทานอาจเพิ่มขึ้นได้จากผู้ซื้อที่ปรับตัวให้เข้ากับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ท่ามกลางความสามารถในการซื้อบ้านสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ยังคงไม่แน่นอน

ทางด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 กันยายน โดยปัจจุบัน พบโอกาส 63% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุด และมีโอกาส 37% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 100 จุดในปีนี้

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการเทขายในตลาดหุ้นและสกุลเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้รับประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางนักลงทุนที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ของการลงจอดทางเศรษฐกิจแบบรุนแรง

ทางด้านภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวในเดือนสิงหาคม โดยดัชนี PMI ของ ISM เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 47.2 แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ 50 เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน แม้ว่าการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่การลดลงของคำสั่งซื้อใหม่และสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคโรงงานยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของการก่อสร้างภาคเอกชนและที่อยู่อาศัย โดยการสร้างบ้านเดี่ยวลดลงต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเนื่องจากอัตราจำนองที่สูงและอุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยโดยรวมหดตัวในไตรมาสที่ 2

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโกคาดว่าอัตราเงินเฟ้อด้านที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ จะผ่อนคลายลง เนื่องจากช่องว่างระหว่างอุปทานและอุปสงค์ที่แคบลง ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันให้เงินเฟ้อโดยรวมลดลง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่อาศัยซึ่งมีส่วนสำคัญต่อแรงกดดันด้านราคาจะลดลงเหลือ 2% ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะทรงตัวใกล้ระดับเฉลี่ยก่อนเกิดโรคระบาดที่ 3.3%

ทั้งนี้ ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศปัจจุบัน ดอลลาร์แคนาดายังคงถือว่ามีมูลค่าที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการตัดสินใจของ BoC ที่กำลังจะมีขึ้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินนี้ จึงอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แคนาดายังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และอาจอ่อนค่าลงได้อีกเล็กน้อยจากความต่างของผลตอบแทนระหว่างสองประเทศ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3546, 1.3550, 1.3556

แนวรับสำคัญ : 1.3534, 1.3530, 1.3524                          

1H Outlook

วิเคราะห์ USD/CAD ที่มา: TradingView            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3524 - 1.3534 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3534 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3547 และ SL ที่ประมาณ 1.3519 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3546 - 1.3551 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3564 และ SL ที่ประมาณ 1.3529 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3546 - 1.3551 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3546 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3531 และ SL ที่ประมาณ 1.3556 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3524 - 1.3534 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3514 และ SL ที่ประมาณ 1.3551 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 4, 2024 10:00AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.3514 1.3524 1.3531 1.354 1.3547 1.3556 1.3564
Fibonacci 1.3524 1.353 1.3534 1.354 1.3546 1.355 1.3556
Camarilla 1.3534 1.3535 1.3537 1.354 1.354 1.3542 1.3543
Woodie's 1.3514 1.3524 1.3531 1.354 1.3547 1.3556 1.3564
DeMark's - - 1.3528 1.3538 1.3544 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES