บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 6 กันยายน 2567

Create at 1 week ago (Sep 06, 2024 14:39)

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานโตเกียวพุ่งสูงเป็นเดือนที่ คาด BOJ อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวเดือนส.ค.พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เกินเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI) โตเกียว ที่ไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เกินการคาดการณ์ที่ 2.2% และการเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. โดยอัตราเงินเฟ้อโตเกียวพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภค และจากราคาข้าวที่สูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย

ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของค่าจ้างและการบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น หลังจากเมื่อไม่นานนี้ BOJ ได้ยุติอัตราดอกเบี้ยติดลบและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็น 0.25% ซึ่งถือเป็นการละทิ้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รุนแรงในรอบ 10 ปี

ทางด้านอัตราการว่างงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 2.7% ในเดือนก.ค. จาก 2.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่อัตราส่วนการจ้างงานต่อผู้สมัครงานดีขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางค่าจ้างที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนกรกฎาคม ช้ากว่าอัตรา 1.1% ในเดือนมิถุนายน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโบนัสฤดูร้อนที่น้อยลง ขณะที่ค่าจ้างที่เป็นตัวเงินเพิ่มขึ้น 3.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1997

สำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.2% และลดลง 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน การใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากดัชนีราคาที่สูงขึ้น อาจทำให้แผนการของ BOJ ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความซับซ้อนมากขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอนี้ขัดแย้งกับการประเมินเศรษฐกิจที่ถูกปรับปรุงดีขึ้นเล็กน้อย และบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายนคาดว่าจะสอดคล้องกับการคาดการณ์เบื้องต้น โดย GDP คาดว่าจะขยายตัว 3.2% ต่อปี ในขณะเดียวกัน การใช้จ่ายของบริษัทในด้านโรงงานและอุปกรณ์เติบโตขึ้น 7.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่งและอาจสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวประกอบกับการสำรวจโรงงานที่แสดงให้เห็นว่าการหดตัวของกิจกรรมการผลิตในอัตราที่ช้าลง แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นแม้ว่าการส่งออกจะยังคงอ่อนแอ

ทางด้านกิจกรรมโรงงานของญี่ปุ่นแสดงสัญญาณการฟื้นตัวในเดือนสิงหาคม โดยดัชนี PMI การผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 49.8 จาก 49.1 ในเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะยังต่ำกว่าเกณฑ์การเติบโต โดยผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวดีขึ้น แต่ความต้องการในตลาดส่งออกหลักยังคงอ่อนแอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวม ขณะที่บริษัทต่างๆ ปรับขึ้นราคาเนื่องจากต้นทุนปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้น แม้ว่าจะในอัตราที่ช้าลง ท่าทกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับยอดขายและความต้องการในอนาคต

ทางด้านคำขอใช้งบประมาณของญี่ปุ่นสำหรับปีงบประมาณหน้าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 117.6 ล้านล้านเยน (811.93 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งขับเคลื่อนโดยต้นทุนการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นและความท้าทายในการควบคุมการใช้จ่าย โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงละทิ้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่สามารถพึ่งพาต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำจากธนาคารกลางได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ การแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำภายในพรรครัฐบาลของญี่ปุ่นอาจทำให้ความพยายามในการฟื้นฟูวินัยทางการคลังมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยการลงคะแนนเสียงในเร็วๆ นี้เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป อาจนำไปสู่การเลือกตั้งกะทันหัน และอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายการคลัง

ในเดือนสิงหาคม การเติบโตของงานในสหรัฐฯ คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงเหลือ 4.2% บ่งชี้ถึงการชะลอตัวที่สามารถควบคุมได้ในตลาดแรงงาน และเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ โดยรายงานที่คาดการณ์ไว้จากกระทรวงแรงงานคาดว่าจะช่วยบรรเทาความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี

ทางด้านเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า แม้จะพบการชะลอตัวในช่วงไม่นานนี้ แต่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแรง โดยเธอตั้งข้อสังเกตว่าอัตราการว่างงานในเดือนกรกฎาคมที่ 4.3% ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต ขณะที่เยลเลนเน้นย้ำว่าแม้การสร้างงานจะชะลอตัวลง แต่ก็เพียงพอที่จะดูดซับแรงงานรายใหม่เข้าสู่ตลาด ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนที่มั่นคง จึงคาดว่าจะผลให้คู่สกุล USD/JPY มีแนวโน้มซื้อขายในกรอบกว้างๆ ปัจจุบันไปจนถึงกรอบล่างได้อีกเล็กน้อยในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (15MinCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 142.33, 142.40, 142.52

แนวรับสำคัญ : 142.09, 142.02, 141.90                   

15Min Outlook         

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 141.89 – 142.09 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 142.09 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.33 และ SL ที่ประมาณ 141.79 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 142.33 – 142.53 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.75 และ SL ที่ประมาณ 141.99 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 142.33 – 142.53 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 142.33 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.01 และ SL ที่ประมาณ 142.63 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 141.89 – 142.09 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 141.67 และ SL ที่ประมาณ 142.43 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 6, 2024 02:24PM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 141.7 141.9 142.01 142.21 142.32 142.52 142.62
Fibonacci 141.9 142.02 142.09 142.21 142.33 142.4 142.52
Camarilla 142.04 142.06 142.09 142.21 142.15 142.18 142.2
Woodie's 141.66 141.88 141.97 142.19 142.28 142.5 142.58
DeMark's - - 141.96 142.19 142.27 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES