ตลาดผันผวนมากขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟด และการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ สร้างความผันผวนในตลาด ท่ามกลางนักลงทุนที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง และความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูง โดยหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างรวดเร็วหลังจากข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลง และอาจส่งผลให้เฟดไม่สามารถ "ลงจอดอย่างนุ่มนวล" ซึ่งหมายถึงการลดอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฟดคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นถึงต้นทุนการกู้ยืมที่สูงที่กำลังสร้างความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจดำเนินการไม่รวดเร็วเพียงพอในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำมากไปกว่านี้ โดยพบความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.7% ในวันศุกร์ และถือเป็นการติดลบรายสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 โดยหุ้นเทคโนโลยี รวมถึง Nvidia ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่การประเมินมูลค่ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยดัชนี S&P 500 ซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืน
นอกจากนี้ การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ดุเดือดยังทำให้ตลาดมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น โดยเดือนกันยายนถือเป็นเดือนที่ยากลำบากสำหรับตลาดหุ้นมาโดยตลอด และการเคลื่อนไหวของตลาดล่าสุดได้ตอกย้ำถึงแนวโน้มดังกล่าว ท่ามกลางนักวิเคราะห์บางคนที่มองเห็นสัญญาณของตลาดแรงงานที่เย็นตัวลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยข้อมูลเงินเฟ้อที่กำลังจะมาถึงคาดว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในอนาคต
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายในระยะสั้น นักวิเคราะห์จาก Bank of America ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ Nvidia โดยอ้างถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งใน AI และการประเมินมูลค่าที่เอื้อประโยชน์ โดยตำแหน่งของ Nvidia ใน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่รุ่นต่อไป ยังคงความแข็งแกร่ง
ทางด้าน Wells Fargo ได้เพิ่ม Microsoft และ Adobe ลงในพอร์ตโฟลิโอ โดยเน้นที่การเติบโตที่ขับเคลื่อนโดย AI ของ Microsoft ในบริการคลาวด์และตำแหน่งที่แข็งแกร่งของ Adobe ใน AI เชิงสร้างสรรค์ ขณะที่ Goldman Sachs ปัดความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ของ AI โดยเน้นย้ำว่าปัจจัยพื้นฐานของภาคเทคโนโลยียังคงแข็งแกร่งแม้จะมีการประเมินมูลค่าที่สูงและการกระจุกตัวของตลาด
ทางด้านนักวิเคราะห์ของ Mizuho ได้รวม Micron Technology และ Oracle ไว้ในรายชื่อการลงทุนอันดับต้นๆ โดยคาดการณ์ถึงการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยความต้องการ AI และข้อได้เปรียบในการแข่งขันในบริการคลาวด์ อย่างไรก็ตาม JPMorgan ได้ปรับลดอันดับ Super Micro Computer เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและแรงกดดันด้านการแข่งขัน โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจนกว่าบริษัทจะแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้
ทั้งนี้ ในตลาดที่มีความผันผวนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและผลตอบแทนพันธบัตรที่ยากจะคาดเดา โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ยังคงความโดดเด่นด้วยความเสถียรและประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง โดยความน่าดึงดูดใจของภาคส่วนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แนวโน้มในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุน เช่น กฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีไบเดนในปี 2021 ซึ่งรับรองเงินทุนจนถึงปี 2026 โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค ทำให้เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร
โดยตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2024 ตลาดหุ้นเผชิญกับความผันผวน โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งลดลง 6.5% จากจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ในทางตรงกันข้าม หุ้นโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ และเป็นที่หลบภัยสำหรับนักลงทุนที่ระมัดระวังจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยหุ้นเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริการสื่อสารและสาธารณูปโภค มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำน้อยกว่า และได้รับประโยชน์จากกระแสเงินสดที่มั่นคง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอาจช่วยหนุนผลตอบแทนได้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงในภาคส่วน เช่น ราคาน้ำมันที่อาจพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นโครงสร้างพื้นฐานโดยผลักดันให้ผลตอบแทนของสหรัฐฯ ให้เพิ่มขึ้น โดยแม้จะมีความเสี่ยงเหล่านี้ นักวิเคราะห์แนะนำว่าปฏิกิริยาของตลาดต่อเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์มักเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ส่งผลให้การร่วงลงของหุ้นโครงสร้างพื้นฐานอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อได้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5423.5, 5425.3, 5428.4
แนวรับสำคัญ : 5417.3, 5415.5, 5412.4
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5409.3 - 5417.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5417.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5424.9 และ SL ที่ประมาณ 5405.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5423.5 - 5431.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5440.0 และ SL ที่ประมาณ 5413.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5423.5 - 5431.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5423.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5416.9 และ SL ที่ประมาณ 5435.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5409.3 - 5417.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5400.0 และ SL ที่ประมาณ 5427.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 9, 2024 09:33AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5408.9 | 5412.4 | 5416.9 | 5420.4 | 5424.9 | 5428.4 | 5432.9 |
Fibonacci | 5412.4 | 5415.5 | 5417.3 | 5420.4 | 5423.5 | 5425.3 | 5428.4 |
Camarilla | 5419.2 | 5419.9 | 5420.7 | 5420.4 | 5422.1 | 5422.9 | 5423.6 |
Woodie's | 5409.3 | 5412.6 | 5417.3 | 5420.6 | 5425.3 | 5428.6 | 5433.3 |
DeMark's | - | - | 5418.7 | 5421.3 | 5426.7 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ