ยูโรอ่อนค่าลงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาด ECB ลดอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัว
ธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเหลือ 3.50% ในวันพฤหัสบดี หลังจากการปรับลดในระดับเดียวกันในเดือนมิถุนายน จากการคาดการณ์ของตลาดระบุว่ามีโอกาส 48% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเขตยูโรลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนกันยายน โดยแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมกราคม โดยดัชนี Sentix ลดลงจาก -13.9 ในเดือนสิงหาคมมาอยู่ที่ -15.4 ซึ่งขัดแย้งกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย
ทางด้านสถาบัน Ifo ระบุว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีเผชิญกับภาวะซบเซาในปีนี้ โดยได้ปรับคาดการณ์การเติบโตจาก 0.4% เป็น ศูนย์ ความท้าทายทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนที่อ่อนแอและภาวะซบเซาของผลผลิต แม้ว่าคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ เนื่องจากสัญญาขนาดใหญ่ โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.4% ในเดือนกรกฎาคม จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของภาคยานยนต์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.2% ในปีนี้ และจะลดลงอีกในปีต่อๆ ไป ท่ามกลางการบริโภคที่อ่อนแอและการว่างงานที่เพิ่มขึ้นที่ยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยแม้อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนดีขึ้น แต่ดอกเบี้ยที่สูงและเศรษฐกิจเยอรมนีที่อ่อนแอยังคงกดดันการลงทุนทางธุรกิจที่ซบเซาลง
สำหรับฝรั่งเศสได้ขอขยายเวลายื่นแผนลดการขาดดุลจากคณะกรรมาธิการยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและความท้าทายด้านงบประมาณ โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 แม้จะได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่คาดว่าจะหดตัวลงภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดการณ์การเติบโตทั้งปีที่ 1.1%
ทางด้านรัฐบาลอิตาลีคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโต 1% ในปีนี้ และคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 1.2% ในปี 2025 โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการขาดดุลการคลังให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ขณะที่ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม
อีกด้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในวันจันทร์ หลังจากร่วงลงเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ และปรับลดการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สะท้อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมของเฟดในวันที่ 17-18 กันยายน โดยคาดการณ์ถึงโอกาส 29% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุด ซึ่งลดลงจาก 50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนยังคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลง 113 จุดในปี 2024 จากประมาณ 100 จุด
ขณะเดียวกัน สินค้าคงคลังขายส่งของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก โดยเพิ่มขึ้น 0.2% ลดลงจากที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.3% เนื่องจากยอดขายที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยว่าการลงทุนในสินค้าคงคลังจะสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ความสนใจปัจจุบันเปลี่ยนไปที่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนสิงหาคม สอดคล้องกับตัวเลขเดือนกรกฎาคม และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม โดยแม้ว่าเฟดจะให้ความสำคัญกับการจ้างงานมากกว่าเงินเฟ้อ แต่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดหรือปรับลด 50 จุดในสัปดาห์หน้า ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดระบุว่าพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเนื่องจากตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง และอาจแย่ลงหากไม่มีการปรับต้นทุนการกู้ยืมลดลง จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรอาจยังคงแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และยังคงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่องในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนและความร้อนแรงระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.1036, 1.1037, 1.1039
แนวรับสำคัญ : 1.1032, 1.1031, 1.1029
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1029 - 1.1032 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1032 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1038 และ SL ที่ประมาณ 1.1028 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1039 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1045 และ SL ที่ประมาณ 1.1031 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1039 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1036 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1032 และ SL ที่ประมาณ 1.1040 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1029 - 1.1032 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1025 และ SL ที่ประมาณ 1.1035 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 10, 2024 09:31AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.1028 | 1.1029 | 1.1033 | 1.1034 | 1.1038 | 1.1039 | 1.1042 |
Fibonacci | 1.1029 | 1.1031 | 1.1032 | 1.1034 | 1.1036 | 1.1037 | 1.1039 |
Camarilla | 1.1034 | 1.1034 | 1.1035 | 1.1034 | 1.1035 | 1.1036 | 1.1036 |
Woodie's | 1.1028 | 1.1029 | 1.1033 | 1.1034 | 1.1038 | 1.1039 | 1.1042 |
DeMark's | - | - | 1.1033 | 1.1034 | 1.1038 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ