บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 10 กันยายน 2567

Create at 2 months ago (Sep 10, 2024 10:11)

ยูโรอ่อนค่าลงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาด ECB ลดอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัว

ธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเหลือ 3.50% ในวันพฤหัสบดี หลังจากการปรับลดในระดับเดียวกันในเดือนมิถุนายน จากการคาดการณ์ของตลาดระบุว่ามีโอกาส 48% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม ในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเขตยูโรลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนกันยายน โดยแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมกราคม โดยดัชนี Sentix ลดลงจาก -13.9 ในเดือนสิงหาคมมาอยู่ที่ -15.4 ซึ่งขัดแย้งกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย

ทางด้านสถาบัน Ifo ระบุว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีเผชิญกับภาวะซบเซาในปีนี้ โดยได้ปรับคาดการณ์การเติบโตจาก 0.4% เป็น ศูนย์ ความท้าทายทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนที่อ่อนแอและภาวะซบเซาของผลผลิต แม้ว่าคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ เนื่องจากสัญญาขนาดใหญ่ โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.4% ในเดือนกรกฎาคม จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของภาคยานยนต์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.2% ในปีนี้ และจะลดลงอีกในปีต่อๆ ไป ท่ามกลางการบริโภคที่อ่อนแอและการว่างงานที่เพิ่มขึ้นที่ยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยแม้อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนดีขึ้น แต่ดอกเบี้ยที่สูงและเศรษฐกิจเยอรมนีที่อ่อนแอยังคงกดดันการลงทุนทางธุรกิจที่ซบเซาลง

สำหรับฝรั่งเศสได้ขอขยายเวลายื่นแผนลดการขาดดุลจากคณะกรรมาธิการยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและความท้าทายด้านงบประมาณ โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 แม้จะได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่คาดว่าจะหดตัวลงภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดการณ์การเติบโตทั้งปีที่ 1.1%

ทางด้านรัฐบาลอิตาลีคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโต 1% ในปีนี้ และคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 1.2% ในปี 2025 โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการขาดดุลการคลังให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ขณะที่ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม

อีกด้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในวันจันทร์ หลังจากร่วงลงเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ และปรับลดการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สะท้อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมของเฟดในวันที่ 17-18 กันยายน โดยคาดการณ์ถึงโอกาส 29% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุด ซึ่งลดลงจาก 50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนยังคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลง 113 จุดในปี 2024 จากประมาณ 100 จุด

ขณะเดียวกัน สินค้าคงคลังขายส่งของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก โดยเพิ่มขึ้น 0.2% ลดลงจากที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.3% เนื่องจากยอดขายที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยว่าการลงทุนในสินค้าคงคลังจะสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ได้หรือไม่

ทั้งนี้ ความสนใจปัจจุบันเปลี่ยนไปที่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนสิงหาคม สอดคล้องกับตัวเลขเดือนกรกฎาคม และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม โดยแม้ว่าเฟดจะให้ความสำคัญกับการจ้างงานมากกว่าเงินเฟ้อ แต่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดหรือปรับลด 50 จุดในสัปดาห์หน้า ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดระบุว่าพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเนื่องจากตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง และอาจแย่ลงหากไม่มีการปรับต้นทุนการกู้ยืมลดลง จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรอาจยังคงแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และยังคงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่องในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนและความร้อนแรงระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.1036, 1.1037, 1.1039

แนวรับสำคัญ :  1.1032, 1.1031, 1.1029        

1H Outlook

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1029 - 1.1032 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1032 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1038 และ SL ที่ประมาณ 1.1028 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1039 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1045 และ SL ที่ประมาณ 1.1031 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1039 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1036 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1032 และ SL ที่ประมาณ 1.1040 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1029 - 1.1032 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1025 และ SL ที่ประมาณ 1.1035 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 10, 2024 09:31AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.1028 1.1029 1.1033 1.1034 1.1038 1.1039 1.1042
Fibonacci 1.1029 1.1031 1.1032 1.1034 1.1036 1.1037 1.1039
Camarilla 1.1034 1.1034 1.1035 1.1034 1.1035 1.1036 1.1036
Woodie's 1.1028 1.1029 1.1033 1.1034 1.1038 1.1039 1.1042
DeMark's - - 1.1033 1.1034 1.1038 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES