ธนาคารกลางแคนาดาชี้ การหยุดชะงักทางการค้าอาจกระทบเป้าเงินเฟ้อในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทิฟฟ์ แม็กเล็ม ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา กล่าวถึงการหยุดชะงักของการค้าโลกที่อาจสร้างความท้าทายในการรักษาเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของธนาคาร ซึ่งจำเป็นต้องมีความสมดุลระหว่างการจัดการเงินเฟ้อและการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยอัตราเงินเฟ้อในแคนาดาลดลงในปีนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง ที่แตะระดับ 5% มายาวนานกว่าหนึ่งปี ก่อนที่ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม็กเล็มชี้ให้เห็นว่าเมื่อการเคลื่อนไหวของตลาดโลกชะลอตัวลง แต่ต้นทุนของสินค้าทั่วโลกอาจไม่มีการลดลงมากนัก ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าการหยุดชะงักของการค้าอาจทำให้เงินเฟ้อผันผวนมากขึ้นและเบี่ยงเบนไปจากกรอบเป้าหมาย 2% สร้างความจำเป็นในการจัดการความเสี่ยงและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แม็กเล็มเน้นย้ำว่าแคนาดาซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดเล็กและเปิดกว้างต่อการพึ่งพาการค้าเป็นอย่างมาก จะมีความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักทางการค้ามากเป็นพิเศษ โดยภาวะช็อกด้านอุปทาน เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ ก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับธนาคารกลาง เนื่องจากการใช้นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของการเติบโตและเงินเฟ้อได้ในเวลาเดียวกัน โดยธนาคารกลางแคนาดากำลังปรับปรุงโมเดลเพื่อรวมเอาสถานการณ์สำหรับช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และใช้ข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้นเพื่อติดตามผลกระทบของนโยบายการค้าและอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพลวัตการค้าโลก แคนาดาได้กำหนดภาษีนำเข้า 100% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนเมื่อเร็วๆ นี้ และกำลังพิจารณาภาษีเพิ่มเติมสำหรับแร่ธาตุที่สำคัญของจีน แบตเตอรี่ ผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ และเซมิคอนดักเตอร์ โดยแม็กเล็มยอมรับว่าแม้ว่าแคนาดาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกที่สุด แต่แคนาดายังคงมีจุดแข็ง ซึ่งได้แก่ แรงงานที่มีทักษะ เครือข่ายพลังงานและการขนส่งที่เชื่อถือได้ และสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง
ทางด้านตัวบ่งชี้เศรษฐกิจล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของแคนาดาหดตัวในเดือนสิงหาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ Ivey ซึ่งลดลงเหลือ 48.2 จาก 57.6 ในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นครั้งแรกที่ดัชนีลดลงต่ำกว่า 50 นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 และบ่งชี้ถึงการลดลงของกิจกรรม
สำหรับภาคบริการยังคงหดตัวเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยธุรกิจอ้างถึงความต้องการที่อ่อนแอและผลกระทบจากไฟป่าในอัลเบอร์ตาและบริติชโคลัมเบีย โดยแม้จะมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดในอนาคต แต่บริษัทต่างๆ ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูง
อีกด้าน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงทรงตัวในสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในสัปดาห์หน้า
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แสดงสัญญาณของความหนืด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนสิงหาคม จาก 0.2% ในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในการประชุมนโยบายครั้งหน้าลดลง และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดแทน
ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจกำลังเลือกเดินบนเส้นทางที่ระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกันกับการจัดการกับแรงกดดันด้านราคาที่ยังคงดำเนินอยู่ โดยแม้จะมีสัญญาณที่ไม่ชัดเจนจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อที่ค่อยๆ ปรับตัวลดลง แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงติดตามปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันที่ลดลง ห่วงโซ่อุปทานที่ดีขึ้น และต้นทุนค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งโดยรวมแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ อารมณ์ของตลาดยังได้รับอิทธิพลจากการดีเบตทางโทรทัศน์ระหว่างกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสที่แฮร์ริสจะได้รับเลือกตั้ง
ทางด้าน BCA Research ตั้งข้อสังเกตว่าการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่สามารถป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ได้ และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นอาจขยายผลกระทบไปสู่การค้าโลกภายในต้นปี 2025 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น เศรษฐกิจของจีน จึงอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แคนาดายังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ ไปจนถึงกรอบบนได้อย่างต่อเนื่อง และอาจอ่อนค่าลงได้อีกเล็กน้อยจากความต่างของผลตอบแทนระหว่างสองประเทศ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD
แนวต้านสำคัญ : 1.3585, 1.3587, 1.3590
แนวรับสำคัญ : 1.3577, 1.3575, 1.3572
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3572 - 1.3577 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3577 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3585 และ SL ที่ประมาณ 1.3570 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3585 - 1.3590 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3600 และ SL ที่ประมาณ 1.3575 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3585 - 1.3590 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3585 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3576 และ SL ที่ประมาณ 1.3592 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3572 - 1.3577 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3564 และ SL ที่ประมาณ 1.3587 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 12, 2024 09:48AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.3567 | 1.3572 | 1.3576 | 1.3581 | 1.3585 | 1.359 | 1.3595 |
Fibonacci | 1.3572 | 1.3575 | 1.3577 | 1.3581 | 1.3585 | 1.3587 | 1.359 |
Camarilla | 1.3578 | 1.3579 | 1.358 | 1.3581 | 1.3582 | 1.3583 | 1.3584 |
Woodie's | 1.3567 | 1.3572 | 1.3576 | 1.3581 | 1.3585 | 1.359 | 1.3595 |
DeMark's | - | - | 1.3579 | 1.3582 | 1.3588 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ