บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 17 กันยายน 2567

Create at 1 month ago (Sep 17, 2024 10:17)

วอลล์สตรีทพุ่งจากหุ้นเทค-เอไอ ท่ามกลางความไม่แน่นอนการลดดอกเบี้ยของเฟด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากผลงานที่แข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีและความสนใจในปัญญาประดิษฐ์ที่กลับมาอีกครั้ง โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4% ดัชนี Dow เพิ่มขึ้น 2.6% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นเกือบ 6% แม้ว่าจะยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แสดงทิศทางที่หลากหลายในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 228 จุด (0.55%) ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% และในทางตรงกันข้าม ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 90 จุด (0.51%)

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากข่าวความพยายามลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน โดยในการซื้อขายช่วงเย็นวันจันทร์ หุ้นเทคโนโลยีสูญเสียโมเมนตัม แต่นักลงทุนหันไปให้ความสำคัญกับภาคส่วนธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ในบรรดาความเคลื่อนไหวของบริษัทที่โดดเด่น Intel พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจากประกาศแผนการแยกธุรกิจโรงหล่อและขายหุ้นบางส่วนใน Altera โดยมีรายงานว่า Intel มีข้อตกลงกับ Amazon Web Services สำหรับการผลิตชิปแบบกำหนดเองหรือตามความต้องการ ในขณะเดียวกัน หุ้นของ Microsoft เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากมีการประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์และเพิ่มเงินปันผล ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของหุ้นอื่นๆ ได้แก่ Pfizer ที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นหลังจากผลการทดลองยาเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่หุ้นของ Boeing ร่วงลงท่ามกลางการหยุดงานประท้วงของพนักงาน

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากการประชุมสองวันที่จะสิ้นสุดลงในวันพุธ โดยความไม่แน่นอนดังกล่าว ได้ส่งผลต่อความผันผวนของตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางดัชนี S&P 500 และ Dow ที่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน แต่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยปัจจุบัน ตลาดฟิวเจอร์สเฟดฟันด์บ่งชี้ถึงโอกาสเกือบ 60% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ที่คาดการณ์ไว้เพียง 25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สะท้อนถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าเฟดอาจดำเนินการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืม โดยรายงานและความคิดเห็นจากบุคคลสำคัญ เช่น อดีตประธานเฟดแห่งนิวยอร์ก บิล ดัดลีย์ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับพันธกรณีของเฟดทั้ง 2 ประการ ได้แก่ การรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงาน โดยดัดลีย์อ้างถึงอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นในปัจจุบันที่ยังคงอยู่เหนือระดับกลางอย่างมาก เน้นย้ำถึงนโยบายการเงินที่อาจเข้มงวดเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ความสำคัญของการที่เฟดจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 หรือ 50 จุดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลกระทบทางเศรษฐกิจในทันทีเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการส่งสัญญาณจากเฟดไปยังนักลงทุนเกี่ยวกับมุมมองของเฟดต่อเศรษฐกิจ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด อาจบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าที่เคยคาดไว้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงอาจบ่งชี้ว่าเฟดมองเห็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่าในอนาคต ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนที่น้อยกว่าอาจบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจ

หากมองในภาพรวม การตัดสินใจที่ใกล้จะเกิดขึ้นของเฟดถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับตลาดการเงิน ซึ่งในอดีต ผลการดำเนินงานของตลาดหุ้น พันธบัตร และดอลลาร์หลังจากเริ่มรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสุขภาพพื้นฐานของเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นมักจะประสบปัญหา ดังเช่นในดัชนี S&P 500 ที่ลดลงเฉลี่ย 4% ในช่วงหกเดือนหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ในทางกลับกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์มากกว่า โดยพบดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14%

ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของพันธบัตรและดอลลาร์ยังเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยพันธบัตรรัฐบาลมักเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจถดถอย โดยผลตอบแทนจะลดลงพร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการลงจอดทางเศรษฐกิจที่รุนแรง โอกาสในการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรเพิ่มเติมอาจถูกจำกัด เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปัจจุบันได้ลดลงอย่างมาก ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคง โดยผลกำไรอาจได้รับผลกระทบ เว้นแต่เศรษฐกิจจะถดถอยรุนแรงขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ความท้าทายสำคัญสำหรับนักลงทุนในช่วงนี้ คือการพิจารณาถึงจังหวะและเวลาในการดำเนินการของเฟดว่าเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงขึ้นหรือไม่ ในขณะที่ตลาดบางส่วนยังคงมุมมองในแง่ดีว่าเฟดจะสามารถวางแผนให้เกิด "การลงจอดอย่างนุ่มนวล" ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการเติบโตโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่บางส่วนยังคงความระมัดระวังเกี่ยวกับ "ความเสี่ยงด้านโครงสร้าง" มากมายที่ตลาดต้องเผชิญ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ความตึงเครียดทั่วโลก และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 41606.4, 41616.1, 41631.8

แนวรับสำคัญ : 41575.0, 41565.3, 41549.6                         

1H Outlook     

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 41525.0 - 41575.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 41575.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41607.4 และ SL ที่ประมาณ 41500.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 41606.4 - 41656.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41680.0 และ SL ที่ประมาณ 41550.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 41606.4 - 41656.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 41606.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41566.3 และ SL ที่ประมาณ 41681.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 41525.0 - 41575.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41495.0 และ SL ที่ประมาณ 41631.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 17, 2024 08:39AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 41525.2 41549.6 41566.3 41590.7 41607.4 41631.8 41648.5
Fibonacci 41549.6 41565.3 41575 41590.7 41606.4 41616.1 41631.8
Camarilla 41571.8 41575.6 41579.3 41590.7 41586.9 41590.6 41594.4
Woodie's 41521.4 41547.7 41562.5 41588.8 41603.6 41629.9 41644.7
DeMark's - - 41558 41586.6 41599.1 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES