ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยนานขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 โดยตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 65% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐาน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการคาดการณ์ที่ 25% เมื่อเดือนที่แล้ว แม้ว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐจะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ก็ตาม นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นขึ้นยังช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลียถือเป็นประเทศผู้ส่งออกโลหะและพลังงานที่สำคัญ 

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตามองการประกาศข้อมูลการจ้างงานของออสเตรเลียที่จะมีการประกาศภายในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินภาวะของตลาดแรงงานภายในประเทศและแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารการอสเตรเลียหากข้อมูลการจ้างงานไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ ด้วยความคิดเห็นล่าสุด ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลียยังคงมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐก็ตาม

ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของออสเตรเลียลดลง 0.1% ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่ทรงตัวมาเป็นเวลา 4 เดือน ติดต่อกันก่อนหน้านี้ โดยมีข้อมูลเปิดเผยว่าอัตราการเติบโตต่อปีในอีก 3 ถึง 9 เดือน ลดลงเหลือ -0.27 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลของ Matthew Hassan หัวหน้าฝ่ายการคาดการณ์มหภาคของออสเตรเลีย ที่กล่าวไว้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจออสเตรเลียแต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียผ่านคงอัตราดอกเบี้ยยาวนานขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ 

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 0.5% สู่ระดับ 84.6 ในเดือนกันยายน นับเป็นการลดลงครั้งที่ 6 ภายในปีนี้ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน หลังจากการประกาศการเติบโตของ GDP  ที่น้อยกว่าที่คาดในไตรมาสที่ 2  ทำให้ภาพครัวเรือนเริ่มมีความไม่มั่นใจต่อตำแหน่งงานในปัจจุบันที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยอาจจำเป็นต้องออกจากงานเนื่องจากการปรับลดต้นทุนของบริษัท นอกจากนี้ ค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้นรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ ทำให้จำนวนเงินเก็บน้อยลงตามไปด้วย

ทั้งนี้ ตลาดแรงงานของออสเตรเลียยังคงตึงตัวเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ค่อยๆ ผ่อนคลายลง โดยอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ในเดือนกรกฎาคม และลดลงจากระดับต่ำสุดของปีที่แล้วที่ 3.5% Sarah Hunter ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวว่า อัตราการว่างงานนี้ควรจะค่อยๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของประชากรเพิ่มขึ้นเร็วกว่าจำนวนงาน ส่งผลให้บริษัทต่างๆ ต้องลดชั่วโมงการทำงานลง นอกจากนี้ Sarah Hunter ยังตั้งข้อสังเกตว่าการผ่อนคลายของตลาดแรงงานจะเริ่มส่งผลกระทบต่อการเติบโตของค่าจ้างด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลให้การควบคุมอัตราเงินเฟ้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 1.479, 1.4807, 1.4828

แนวรับสำคัญ: 1.4753, 1.4733, 1.4716

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4733 - 1.4753 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4753 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4807 และ SL ที่ประมาณ 1.4716 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 18 กันยายน 2567 22:24 น. GMT+7