ราคาถั่วเหลืองปิดตลาดสูงขึ้น ท่ามกลางความกังวลสภาพอากาศและผลเก็บเกี่ยวที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ

ราคาถั่วเหลืองปิดตลาดสูงขึ้น หลังจากผันผวนตลอดทั้งวัน โดยราคากากถั่วเหลืองลดลง ในขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาวะการเพาะปลูกถั่วเหลืองที่แย่ลงเล็กน้อย แม้ว่าการเก็บเกี่ยวจะเร็วกว่ากำหนด โดยสภาพอากาศของสหรัฐฯ และบราซิลยังคงเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากบราซิลกำลังเผชิญกับความร้อนและภัยแล้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก

ทั้งนี้ ราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเนื่องจากการซื้อกองทุนและปัจจัยทางเทคนิค โดยรายงานการเก็บเกี่ยวช่วงต้นของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน ราคากากถั่วเหลืองลดลง และน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับสเปรดของผลิตภัณฑ์ ขณะที่พืชผลของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความกังวลเกี่ยวกับภัยแล้ง และภัยแล้งของบราซิลอาจส่งผลให้ช่องว่างราคาระหว่างสองประเทศกว้างขึ้น ท่ามกลางการส่งออกของสหรัฐฯ ที่เผชิญกับความล่าช้าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปีต่ำ

ทางด้านการส่งออกถั่วเหลืองของบราซิลในเดือนกันยายนคาดว่าจะอยู่ที่ 5.83 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตถั่วเหลืองของบราซิลในปี 2024/25 จะอยู่ที่ 166.28 ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม หากภัยแล้งยาวนานจนถึงเดือนตุลาคม อาจส่งผลให้การเพาะปลูกล่าช้าออกไป

สำหรับแนวโน้มถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปี 2024/25 มีการปรับลดสต็อกเริ่มต้น ผลผลิต และสต็อกคงคลัง โดยสต็อกเริ่มต้นลดลงเนื่องจากปริมาณการบดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2023/24 ขณะที่คาดว่าผลผลิตถั่วเหลืองจะลดลง 3 ล้านบุชเชลเหลือ 4.6 พันล้านบุชเชล โดยหากปริมาณการบดและการส่งออกถั่วเหลืองไม่มีการเปลี่ยนแปลง คาดว่าสต็อกคงคลังจะอยู่ที่ 550 ล้านบุชเชล ลดลง 10 ล้านบุชเชลจากเดือนที่แล้ว ท่ามกลางราคาเฉลี่ยตามฤดูกาลของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ที่ 10.80 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองอยู่ที่ 320 ดอลลาร์ต่อตันสั้น และราคาน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 42 เซ็นต์ต่อปอนด์

ทั่วโลก ผลผลิตเมล็ดพืชน้ำมันลดลง 2.8 ล้านตัน จากผลผลิตเมล็ดเรพซีดและเมล็ดทานตะวันที่ลดลงในสหภาพยุโรป ยูเครน คาซัคสถาน และมอลโดวาเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ผลผลิตถั่วเหลืองจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6 ล้านตัน เนื่องมาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในปารากวัยและแคนาดา แม้ว่าผลผลิตในสหภาพยุโรปและเซอร์เบียจะลดลง โดยผลผลิตของปารากวัยในปี 2023/24 สูงขึ้นเนื่องจากการส่งออกและการบดที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่การค้าถั่วเหลืองทั่วโลกในปี 2024/25 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 181.6 ล้านตัน โดยมีการส่งออกจากปารากวัยที่เพิ่มขึ้นและการนำเข้าจากอาร์เจนตินาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สต็อกถั่วเหลืองทั่วโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 134.6 ล้านตัน โดยสต็อกที่เพิ่มขึ้นในอาร์เจนตินาและแคนาดาช่วยชดเชยสต็อกที่ลดลงในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

ทางด้านสัญญาซื้อขายถั่วเหลืองล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพุธ เนื่องจากสถานะขายชอร์ตจากนักลงทุน จากความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งในบราซิล ซึ่งอาจทำให้การเพาะปลูกถั่วเหลืองล่าช้า ขณะที่ในสหรัฐฯ การเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางนักลงทุนที่ยังคงมุมมองที่ระมัดระวัง โดยความคาดหวังถึงผลผลิตที่สูงของพืชผลสหรัฐฯ ยังคงกดดันตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แม้ว่าฝนที่ใกล้เข้ามาจะทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้าออกไป

ราคาถั่วเหลืองบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในช่วงนี้ โดยอาจมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก ที่เป้าหมายถัดไปที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,021.06 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ แนวโน้มขาขึ้นอาจพลิกกลับ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันเชิงลบ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US Soybeans Futures - Nov 24 (ZSX4)

แนวต้านสำคัญ : 1020.44, 1024.15, 1030.17

แนวรับสำคัญ : 1008.40, 1004.69, 998.67     

1D Outlook                

ที่มา: TradingView                           

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 998.40 - 1008.40 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1008.40 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1022.59 และ SL ที่ประมาณ 993.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1020.44 - 1030.44 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1050.00 และ SL ที่ประมาณ 1003.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1020.44 - 1030.44 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1020.44 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1006.84 และ SL ที่ประมาณ 1035.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 998.40 - 1008.40 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 976.00 และ SL ที่ประมาณ 1025.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 19, 2024 10:25AM GMT+7