เงินเยนแข็งค่า คาด BOJ คงนโยบาย ดอลลาร์อ่อนตัวหลังเฟดลดดอกเบี้ย
เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยอัตราแลกเปลี่ยน USD/JPY อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 เดือน ตกลงมาต่ำกว่า 140 เยนในช่วงสั้นๆ นักลงทุนคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวของเงินเยนจะถูกจำกัดหาก BOJ ยังคงดำเนินนโยบายปัจจุบันต่อไป ขณะที่สัญญาณของการกระชับนโยบาย อาจทำให้เงินเยนแข็งค่าได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเยนยังคงเผชิญกับแรงกดดัน เนื่องจากตลาดคาดว่า BOJ จะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ดิ้นรนท่ามกลางความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะปรับลดอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวในระดับปานกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงระดับโลกและความผันผวนของตลาด โดยรัฐบาลรายงานกำไรของบริษัทและการเติบโตของค่าจ้างที่แข็งแกร่งในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นจะส่งผลกระทบต่อความต้องการในการเดินทาง ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในบริการต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน กำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศ
ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชุนอิจิ ซูซูกิ กล่าวว่า เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบหลากหลายต่อเศรษฐกิจ โดยอาจส่งผลดีต่อผู้ส่งออกในขณะที่ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความเสถียรและกล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงติดตามผลกระทบของเงินเยนต่อไป
ในขณะเดียวกัน BOJ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% แต่อาจส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตเนื่องจากการเติบโตของค่าจ้างที่มั่นคงและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.8% ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้และสร้างแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อขายส่งของญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือนสิงหาคม ขณะที่การเติบโตของการส่งออกอ่อนแอลง โดยเฉพาะปลายทางไปยังสหรัฐอเมริกา เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในประเทศแม้ว่าจะมีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน คำสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้ผลิตญี่ปุ่นที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนกันยายน โดยอุปสงค์ของจีนที่ซบเซาและการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกถือเป็นข้อกังวลหลัก ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคบริการลดลง แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่แข็งแกร่ง
ทางด้านดุลการค้าของญี่ปุ่นขาดดุลน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 695,300 ล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการส่งออกและนำเข้าที่อ่อนแอลง โดยแม้ว่าการปรับขึ้นค่าจ้างจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ แต่การชะลอตัวของการนำเข้าทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
อีกด้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงในการซื้อขายที่ผันผวนหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด และเปลี่ยนมาใช้การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ชันขึ้น ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต ท่ามกลางจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงอย่างไม่คาดคิด สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
ทางด้านการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ในขณะเดียวกัน อัตราจำนองของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางกิจกรรมในตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงซบเซา โดยยอดขายบ้านมือสองต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และถึงแม้ว่าต้นทุนการกู้ยืมจะลดลง แต่ตลาดที่อยู่อาศัยอาจยังคงเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอุปทาน
อย่างไรก็ดี ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ แสดงความเชื่อมั่นในเส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตัดความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะกลับไปสู่ระดับต่ำเป็นพิเศษเหมือนในช่วงการระบาด โดยผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้ 1 เปอร์เซ็นต์เต็มในปี 2025 และอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2026 ขณะที่ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD USD/JPY
แนวต้านสำคัญ : 143.61, 144.09, 144.88
แนวรับสำคัญ : 142.03, 141.55, 140.76
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 140.83 – 142.03 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 142.03 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.75 และ SL ที่ประมาณ 140.23 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 143.61 – 144.81 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 147.27 และ SL ที่ประมาณ 141.43 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 143.61 – 144.81 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 143.61 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 141.69 และ SL ที่ประมาณ 145.41 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 140.83 – 142.03 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 139.64 และ SL ที่ประมาณ 144.21 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 20, 2024 10:12AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 139.63 | 140.76 | 141.69 | 142.82 | 143.75 | 144.88 | 145.81 |
Fibonacci | 140.76 | 141.55 | 142.03 | 142.82 | 143.61 | 144.09 | 144.88 |
Camarilla | 142.05 | 142.24 | 142.43 | 142.82 | 142.81 | 143 | 143.19 |
Woodie's | 139.53 | 140.71 | 141.59 | 142.77 | 143.65 | 144.83 | 145.71 |
DeMark's | - | - | 142.26 | 143.1 | 144.32 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ