ยูโรโซนเผชิญแรงกดดันเงินเฟ้อ ท่ามกลางมุมมองเศรษฐกิจที่หลากหลาย
ประธาน Bundesbank โจอาคิม นาเกล กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งจำต้องใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูงอย่างต่อเนื่องในการปรับแรงกดดันด้านราคา โดยแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2.2% แต่นาเกลเตือนว่าการเติบโตของค่าจ้างและการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในเยอรมนี อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะทำให้เงินเฟ้อผันผวนมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่งผลให้การควบคุมราคามีความซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เน้นย้ำว่าการรักษากรอบการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อยังคงมีความสำคัญ โดยปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ การคุ้มครองทางการค้า และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้ทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์เผชิญกับความสับสน โดยหลายคนไม่สามารถคาดการณ์การพุ่งสูงขึ้นของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาได้ ส่งผลให้ธนาคารกลางต้องพยายามปรับตัวตามให้ทัน
ลาการ์ดเน้นย้ำถึงผลกระทบของบริษัท "ซูเปอร์สตาร์" ในเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น บริการคลาวด์และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า และอาจทำให้อิทธิพลของธนาคารกลางอ่อนแอลง ในทางกลับกัน การพลิกกลับของภาวะโลกาภิวัตน์ผ่านแนวทางปฏิบัติ เช่น "การทำธุรกิจแบบเนียร์ชอร์ริ่ง" อาจเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายการเงินได้ด้วยการเพิ่มความอ่อนไหวของบริษัทต่ออัตราดอกเบี้ย
ทางด้าน Moody's ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของธนาคารในยุโรปสำหรับการผิดนัดชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยอันเนื่องมาจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงและต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงที่สินเชื่อที่มีปัญหาจะเพิ่มขึ้น แต่ Moody's เชื่อว่าโดยทั่วไปแล้วธนาคารจะมีบัฟเฟอร์ทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ ท่ามกลางผู้ให้กู้บางรายที่อาจมีความพร้อมที่ไม่เพียงพอ
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนีแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเดือนกันยายนลดลงมากกว่าที่คาดไว้ ตามรายงานของสถาบัน ZEW ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเติบโตที่อ่อนแอจะยังคงดำเนินต่อไป โดยสถานการณ์เศรษฐกิจในเยอรมนีอาจย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง จากดัชนีการประเมินที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 โดยเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งหดตัวในไตรมาสที่ 2 เสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ท่ามกลางความกังวลถึงภาวะซบเซาหรือการหดตัวเล็กน้อยในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดือนฤดูหนาวใกล้เข้ามา
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของ Bundesbank เยอรมนียังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางอุตสาหกรรม การลงทุนที่อ่อนแอ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวัง โดยแม้จะมีการจ้างงานสูงและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น แต่การบริโภคส่วนบุคคลยังคงซบเซา ท่ามกลางการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอ่อนแออย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน ฝรั่งเศสกำลังประสบกับภาวะเงินเฟ้อที่ค่อย ๆ ลดลง โดยราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนสิงหาคม ลดลงจาก 2.7% ในเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาพลังงานที่ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยธนาคารกลางคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่ฝรั่งเศสยังคงเผชิญกับความท้าทายทางการคลังที่เพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์อยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัว ซึ่งเกิดจากรายได้จากภาษีที่ลดลงและการใช้จ่ายที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะเติบโต 1.1% ในปีนี้และจะดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2025 และ 2026 โดยได้รับแรงหนุนจากค่าจ้างที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเกี่ยวกับการขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามกฎการขาดดุลของสหภาพยุโรป
ทางด้านอิตาลียังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการคลัง แม้ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ จานคาร์โล จิออร์เกตติ แสดงความหวังว่าอิตาลีจะสามารถจัดทำงบประมาณหลัก (ไม่รวมดอกเบี้ยหนี้) ให้สมดุลได้ในปี 2024 โดยอิตาลีซึ่งมีอัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพีสูงที่สุดแห่งหนึ่งในยูโรโซน มุ่งมั่นที่จะลดการขาดดุลภายในปี 2026 ตามกฎการคลังของสหภาพยุโรป ขณะที่รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะลดภาษีอย่างถาวรสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความตึงเครียดด้านการคลังของภาครัฐ
ในทางกลับกัน ดอลลาร์เผชิญความผันผวนตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มผ่อนปรนนโยบายการเงิน ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ขยับขึ้นแตะระดับ 100.75 ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีเล็กน้อย
ทั้งนี้ พบโอกาสเกือบ 49% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดในเดือนพฤศจิกายน โดยคาดว่าจะมีการปรับลดทั้งหมด 74.8 จุดภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะแตะระดับ 2.85% ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยกลางที่เฟดคาดการณ์ไว้
โดยนักลงทุนจะติดตามเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด รวมถึงคำกล่าวของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ข้อมูลดัชนี PMI และตัวเลขเงินเฟ้อคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางเขตยูโรและสหราชอาณาจักรที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของเยอรมนีและการต่อสู้ดิ้นรนของจีนเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโต โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคา PCE สำหรับเดือนสิงหาคมจะเพิ่มขึ้น 2.5% ต่อปี ซึ่งเฟดคาดการณ์ว่าจะลดลงเหลือ 2.3% ภายในสิ้นปี
ทั้งนี้ ปฏิทินเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ประกอบด้วยตัวเลขสุดท้ายของ GDP ไตรมาสที่ 2 รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค คำสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลการขายที่อยู่อาศัย และการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก โดยเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง ราฟาเอล บอสติก, ออสแทน กูลส์บี, มิเชล โบว์แมน และเจอโรม พาวเวลล์ มีกำหนดปราศรัยในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักลงทุนจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับแนวทางของเฟดในการลดขนาดงบดุล จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรอาจยังคงแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และยังคงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่องในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนและความร้อนแรงระหว่างทั้งสองเขตเศรษฐกิจ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.1164, 1.1166, 1.1168
แนวรับสำคัญ : 1.1158, 1.1156, 1.1154
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1150 - 1.1158 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1158 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1165 และ SL ที่ประมาณ 1.1146 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1164 - 1.1172 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1178 และ SL ที่ประมาณ 1.1154 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1164 - 1.1172 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1164 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1158 และ SL ที่ประมาณ 1.1176 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1150 - 1.1158 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1146 และ SL ที่ประมาณ 1.1168 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Sep 23, 2024 10:35AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.1151 | 1.1154 | 1.1158 | 1.1161 | 1.1165 | 1.1168 | 1.1173 |
Fibonacci | 1.1154 | 1.1156 | 1.1158 | 1.1161 | 1.1164 | 1.1166 | 1.1168 |
Camarilla | 1.116 | 1.1161 | 1.1162 | 1.1161 | 1.1163 | 1.1164 | 1.1165 |
Woodie's | 1.1151 | 1.1154 | 1.1158 | 1.1161 | 1.1165 | 1.1168 | 1.1173 |
DeMark's | - | - | 1.1159 | 1.1162 | 1.1167 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ