บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 1 ตุลาคม 2567

Create at 1 month ago (Oct 01, 2024 11:18)

ดาวโจนส์ทำสถิติใหม่ เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่บริษัท AI เผชิญกฎระเบียบการควบคุม

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับทิศทางที่หลากหลาย หลังปิดตลาดในวันศุกร์ โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ สาธารณูปโภค และสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี บริการผู้บริโภค และวัสดุพื้นฐานปรับตัวลดลง ท่ามกลางดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แม้ว่าดัชนีทั้งสองดัชนีจะยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ นักลงทุนมีปฏิกิริยาตอบรับเชิงบวกต่ออัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งทำให้เกิดความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดต่อไป ท่ามกลางหุ้นขนาดเล็กที่ได้รับประโยชน์ และมีส่วนทำให้ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทมีกำไรรายสัปดาห์โดยรวม

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในทิศทางขาขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ เทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพ ขณะที่นักลงทุนกำลังรอฟังคำแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรฉบับล่าสุด ในขณะเดียวกัน แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายที่มุ่งควบคุมบริษัทด้าน AI

ทางด้าน Apple ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาเพื่อเข้าร่วมรอบการระดมทุนของ OpenAI ซึ่งมีเป้าหมายที่จะระดมทุนประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล โดยเมื่อไม่นานนี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาที่คาดว่ารอบการระดมทุนจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้า หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานในเบื้องต้นเมื่อเดือนที่แล้วว่า Apple ได้เป็นส่วนหนึ่งของการหารือในรอบที่อาจประเมินมูลค่า OpenAI ได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการนำ ChatGPT มาใช้อย่างรวดเร็วและการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ

สำหรับธุรกิจ AI สำหรับองค์กรของ Google พบว่ากำลังเติบโตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพลตฟอร์ม Gemini ซึ่งมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการปฏิบัติตามมาตรฐานสำคัญและการร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เช่น Salesforce และ Microsoft ได้ผลักดันการนำ AI มาใช้ในธุรกิจต่างๆ ในวงกว้างมากขึ้น

นอกจากนี้ Microsoft ยังเผชิญกับการปรับลดอันดับจากนักวิเคราะห์ของ D.A. Davidson ซึ่งปรับอันดับจาก "ซื้อ" เป็น "กลาง" ในขณะที่ยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 475 ดอลลาร์ โดยการปรับลดอันดับดังกล่าวเกิดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ AI ท่ามกลางคู่แข่ง เช่น Amazon Web Services และ Google Cloud Platform ที่กำลังไล่ตาม Microsoft ในด้านเทคโนโลยีคลาวด์และ AI โดยนักวิเคราะห์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ Microsoft พึ่งพา Nvidia อย่างมากในการดำเนินการศูนย์ข้อมูล และเตือนว่าการใช้จ่ายเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร และกดดันธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft ได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน Meta Platforms จัดงาน Meta Connect ซึ่งเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น ชุดหูฟังเสมือนจริง Quest 3S และแว่นตาอัจฉริยะเสริมเสมือนจริง ควบคู่ไปกับการปรับปรุงแชทบอท AI ซึ่งปัจจุบันรองรับการโต้ตอบด้วยเสียง ขณะที่นักวิเคราะห์ให้การตอบรับในเชิงบวก โดยสังเกตเห็นศักยภาพในการมีส่วนร่วมและรายได้จากนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta

ในส่วนของภาคธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ราคาหุ้นของ Micron Technology พุ่งขึ้นเกือบ 15% หลังจากออกรายงานคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงที่ใช้ในแอปพลิเคชัน AI ที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนโฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น ชิปหน่วยความจำ AI ซึ่งเชื่อว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง เช่น SK Hynix และ Samsung

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Mizuho เตือนว่าการขายชอร์ตหุ้นธุรกิจอุปกรณ์หน่วยความจำและเซมิคอนดักเตอร์อาจไม่ใช่เวลาที่ดีในช่วงนี้ โดยแนะนำให้ปิดสถานะการขายชอร์ตและพิจารณาลงทุนในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ หลังจาก Mizuho สังเกตเห็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ Samsung Electronics สำหรับ DRAM ทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหน่วยความจำจนถึงปี 2025 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นของ Micron และการคาดการณ์การดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อผู้ผลิต DRAM ชั้นนำของจีนอย่าง ChangXin Memory อาจช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาและส่วนแบ่งการตลาดในระยะยาวได้

อีกด้าน นักวิเคราะห์ของ Citi แสดงความมั่นใจในโอกาสในอนาคตของ Walmart ท่ามกลางแนวโน้มผู้บริโภคที่ท้าทาย โดยปรับราคาเป้าหมายสำหรับผู้ค้าปลีกรายนี้จาก 75 ดอลลาร์เป็น 98 ดอลลาร์ โดยให้เครดิตความสำเร็จของ Walmart ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากธุรกิจการขายของชำที่แข็งแกร่ง เครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวาง และการดำเนินการอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ

ทางด้านหุ้นรายอื่น พบกิจกรรมการซื้อขายที่โดดเด่นในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่และเมก้า โดยหุ้นของ Alibaba และ Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ Eli Lilly และ Nvidia ปรับตัวลดลง โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 2.17% ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง ท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับจีนที่สนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ซื้อชิป AI ที่ผลิตในประเทศแทนการสั่งซื้อจาก Nvidia

ในบรรดาความเคลื่อนไหวของหุ้นที่น่าจับตามองอื่นๆ หุ้นของ Bristol-Myers Squibb ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.58% หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติยารักษาโรคจิตเภทตัวใหม่ ในทางตรงกันข้าม Costco Wholesale ร่วงลง 1.76% หลังจากรายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ต่ำกว่าที่คาดไว้ และบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เช่น PDD Holdings และ NetEase ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคาร

อย่างไรก็ดี นักลงทุนอาจได้รับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะตรงกับช่วงที่มีการเผยแพร่รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุดและคำแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ท่ามกลางการเริ่มต้นของไตรมาสที่ ในวันอังคาร หลังจากตลาดที่เผชิญกับผันผวนอย่างมากก่อนหน้านี้ และจีนที่กำลังดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไตรมาสที่กำลังจะมาถึงอาจได้รับอิทธิพลจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดคาดว่าจะเผชิญกับความผันผวนได้มากยิ่งขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 42326.7, 42332.4, 42341.7

แนวรับสำคัญ : 42308.1, 42302.4, 42293.1                        

1H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                         

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 42284.1 - 42308.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 42308.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42326.9 และ SL ที่ประมาณ 42272.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 42326.7 - 42350.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42384.0 และ SL ที่ประมาณ 42296.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42326.7 - 42350.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 42326.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42302.6 และ SL ที่ประมาณ 42362.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 42284.1 - 42308.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42250.0 และ SL ที่ประมาณ 42339.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 1, 2024 10:24AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 42278.3 42293.1 42302.6 42317.4 42326.9 42341.7 42351.2
Fibonacci 42293.1 42302.4 42308.1 42317.4 42326.7 42332.4 42341.7
Camarilla 42305.5 42307.7 42310 42317.4 42314.4 42316.7 42318.9
Woodie's 42275.7 42291.8 42300 42316.1 42324.3 42340.4 42348.6
DeMark's - - 42297.9 42315.1 42322.2 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES