ดาวโจนส์ทำสถิติใหม่ เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่บริษัท AI เผชิญกฎระเบียบการควบคุม
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับทิศทางที่หลากหลาย หลังปิดตลาดในวันศุกร์ โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ สาธารณูปโภค และสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี บริการผู้บริโภค และวัสดุพื้นฐานปรับตัวลดลง ท่ามกลางดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แม้ว่าดัชนีทั้งสองดัชนีจะยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นักลงทุนมีปฏิกิริยาตอบรับเชิงบวกต่ออัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งทำให้เกิดความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดต่อไป ท่ามกลางหุ้นขนาดเล็กที่ได้รับประโยชน์ และมีส่วนทำให้ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทมีกำไรรายสัปดาห์โดยรวม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในทิศทางขาขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ เทคโนโลยี และการดูแลสุขภาพ ขณะที่นักลงทุนกำลังรอฟังคำแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรฉบับล่าสุด ในขณะเดียวกัน แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายที่มุ่งควบคุมบริษัทด้าน AI
ทางด้าน Apple ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาเพื่อเข้าร่วมรอบการระดมทุนของ OpenAI ซึ่งมีเป้าหมายที่จะระดมทุนประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล โดยเมื่อไม่นานนี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาที่คาดว่ารอบการระดมทุนจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้า หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานในเบื้องต้นเมื่อเดือนที่แล้วว่า Apple ได้เป็นส่วนหนึ่งของการหารือในรอบที่อาจประเมินมูลค่า OpenAI ได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการนำ ChatGPT มาใช้อย่างรวดเร็วและการลงทุนด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ
สำหรับธุรกิจ AI สำหรับองค์กรของ Google พบว่ากำลังเติบโตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพลตฟอร์ม Gemini ซึ่งมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการปฏิบัติตามมาตรฐานสำคัญและการร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เช่น Salesforce และ Microsoft ได้ผลักดันการนำ AI มาใช้ในธุรกิจต่างๆ ในวงกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ Microsoft ยังเผชิญกับการปรับลดอันดับจากนักวิเคราะห์ของ D.A. Davidson ซึ่งปรับอันดับจาก "ซื้อ" เป็น "กลาง" ในขณะที่ยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 475 ดอลลาร์ โดยการปรับลดอันดับดังกล่าวเกิดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ AI ท่ามกลางคู่แข่ง เช่น Amazon Web Services และ Google Cloud Platform ที่กำลังไล่ตาม Microsoft ในด้านเทคโนโลยีคลาวด์และ AI โดยนักวิเคราะห์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ Microsoft พึ่งพา Nvidia อย่างมากในการดำเนินการศูนย์ข้อมูล และเตือนว่าการใช้จ่ายเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร และกดดันธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft ได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน Meta Platforms จัดงาน Meta Connect ซึ่งเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น ชุดหูฟังเสมือนจริง Quest 3S และแว่นตาอัจฉริยะเสริมเสมือนจริง ควบคู่ไปกับการปรับปรุงแชทบอท AI ซึ่งปัจจุบันรองรับการโต้ตอบด้วยเสียง ขณะที่นักวิเคราะห์ให้การตอบรับในเชิงบวก โดยสังเกตเห็นศักยภาพในการมีส่วนร่วมและรายได้จากนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta
ในส่วนของภาคธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ราคาหุ้นของ Micron Technology พุ่งขึ้นเกือบ 15% หลังจากออกรายงานคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงที่ใช้ในแอปพลิเคชัน AI ที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนโฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น ชิปหน่วยความจำ AI ซึ่งเชื่อว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง เช่น SK Hynix และ Samsung
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Mizuho เตือนว่าการขายชอร์ตหุ้นธุรกิจอุปกรณ์หน่วยความจำและเซมิคอนดักเตอร์อาจไม่ใช่เวลาที่ดีในช่วงนี้ โดยแนะนำให้ปิดสถานะการขายชอร์ตและพิจารณาลงทุนในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญ หลังจาก Mizuho สังเกตเห็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ Samsung Electronics สำหรับ DRAM ทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหน่วยความจำจนถึงปี 2025 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นของ Micron และการคาดการณ์การดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อผู้ผลิต DRAM ชั้นนำของจีนอย่าง ChangXin Memory อาจช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาและส่วนแบ่งการตลาดในระยะยาวได้
อีกด้าน นักวิเคราะห์ของ Citi แสดงความมั่นใจในโอกาสในอนาคตของ Walmart ท่ามกลางแนวโน้มผู้บริโภคที่ท้าทาย โดยปรับราคาเป้าหมายสำหรับผู้ค้าปลีกรายนี้จาก 75 ดอลลาร์เป็น 98 ดอลลาร์ โดยให้เครดิตความสำเร็จของ Walmart ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากธุรกิจการขายของชำที่แข็งแกร่ง เครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวาง และการดำเนินการอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ
ทางด้านหุ้นรายอื่น พบกิจกรรมการซื้อขายที่โดดเด่นในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่และเมก้า โดยหุ้นของ Alibaba และ Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ Eli Lilly และ Nvidia ปรับตัวลดลง โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 2.17% ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง ท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับจีนที่สนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ซื้อชิป AI ที่ผลิตในประเทศแทนการสั่งซื้อจาก Nvidia
ในบรรดาความเคลื่อนไหวของหุ้นที่น่าจับตามองอื่นๆ หุ้นของ Bristol-Myers Squibb ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.58% หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติยารักษาโรคจิตเภทตัวใหม่ ในทางตรงกันข้าม Costco Wholesale ร่วงลง 1.76% หลังจากรายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ต่ำกว่าที่คาดไว้ และบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เช่น PDD Holdings และ NetEase ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคาร
อย่างไรก็ดี นักลงทุนอาจได้รับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะตรงกับช่วงที่มีการเผยแพร่รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุดและคำแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ท่ามกลางการเริ่มต้นของไตรมาสที่ 4 ในวันอังคาร หลังจากตลาดที่เผชิญกับผันผวนอย่างมากก่อนหน้านี้ และจีนที่กำลังดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไตรมาสที่กำลังจะมาถึงอาจได้รับอิทธิพลจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดคาดว่าจะเผชิญกับความผันผวนได้มากยิ่งขึ้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 42326.7, 42332.4, 42341.7
แนวรับสำคัญ : 42308.1, 42302.4, 42293.1
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 42284.1 - 42308.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 42308.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42326.9 และ SL ที่ประมาณ 42272.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 42326.7 - 42350.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42384.0 และ SL ที่ประมาณ 42296.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42326.7 - 42350.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 42326.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42302.6 และ SL ที่ประมาณ 42362.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 42284.1 - 42308.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42250.0 และ SL ที่ประมาณ 42339.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Oct 1, 2024 10:24AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 42278.3 | 42293.1 | 42302.6 | 42317.4 | 42326.9 | 42341.7 | 42351.2 |
Fibonacci | 42293.1 | 42302.4 | 42308.1 | 42317.4 | 42326.7 | 42332.4 | 42341.7 |
Camarilla | 42305.5 | 42307.7 | 42310 | 42317.4 | 42314.4 | 42316.7 | 42318.9 |
Woodie's | 42275.7 | 42291.8 | 42300 | 42316.1 | 42324.3 | 42340.4 | 42348.6 |
DeMark's | - | - | 42297.9 | 42315.1 | 42322.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ