ราคาของ bitcoin ยังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะเกิด Bitcoin Halving ในช่วงเดือนเมษายนและการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 bpsในเดือนที่ผ่านมา จากธนาคารกลางสหรัฐก็ตาม โดยแรงกดดันส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คาด ในขณะเดียวกันที่ Bitcoin ETF ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องและการพัฒนา Lightning network ที่จะส่งผลให้การใช้งาน Bitcoin ง่ายมากยิ่งขึ้น จึงให้ราคา Bitcoin ยังสามารถทรงตัวอยู่ในแนวต้านเดิมได้
ด้านนักลงทุนยังคงมองว่าความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ มีราคาลดลง นอกจากนี้ยังทำให้ความต้องการสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม เดือนตุลาคมยังคงเป็นอีก 1 เดือนที่ราคา bitcoin อาจพุ่งสูงขึ้นทะลุแนวต้านอีกครั้งตามสถิติย้อนหลังในหลายปีก่อนหน้า จึงได้ตั้งชื่อในเดือนนี้ว่า Uptober สำหรับ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ
นักวิเคราะห์ Bitcoin Timothy Peterson แสดงความคิดเห็นว่า Uptober ส่วนใหญ่จะไม่เริ่มต้นจนกว่าจะหลังวันที่ 19 โดยข้อมูลในอดีตยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin ในเดือนตุลาคมเช่นกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ มีแนวโน้มที่ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ โดยมีกำไรเฉลี่ยมากกว่า 14% และผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13%
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนในเดือนตุลาคมนี้อาจไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ เนื่องจากการจัดตั้ง Bitcoin Etf ทำให้นักลงทุนสถาบันเข้ามามีส่วนร่วมในราคาของ Bitcoin มากขึ้น แต่นี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา กองทุนของ Ark Invest ได้มีเงินไหลเข้ามากกว่า 113.82 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock มีเงินไหลเข้า 93.38 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การรายงานของ CryptoQuant ได้สังเกตเห็นว่ามีแรงซื้อมหาศาลจาก Bitcoin ETF (ที่ระดับ 9,000 BTC ต่อวัน) และได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทางด้านข่าวข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐพบว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงมาเหลือ 4.1% จาก 4.2% ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีการรายงานเพิ่มเติมว่าการจ้างงานภายในประเทศได้มีการเพิ่มงานกว่า 254,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดไว้ที่ 150,000 ตำแหน่ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงก็ตาม
แนวต้านสำคัญ: 62394, 62486, 62582
แนวรับสำคัญ: 62206, 62110, 62018
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 62110 - 62206 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 62206 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 62486 และ SL ที่ประมาณ 62018 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 62394 - 62486 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 62582 และ SL ที่ประมาณ 62110 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 62394 - 62486 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 62394 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 62110 และ SL ที่ประมาณ 62582 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 62110 - 62206 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 62018 และ SL ที่ประมาณ 62486 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 5 ตุลาคม 2567 21:50 น. GMT+7
|
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
| Classic | 62018 | 62110 | 62206 | 62298 | 62394 | 62486 | 62582 |
| Fibonacci | 62110 | 62181.8 | 62226.2 | 62298 | 62369.8 | 62414.2 | 62486 |
| Camarilla | 62250.3 | 62267.5 | 62284.8 | 62298 | 62319.2 | 62336.5 | 62353.7 |
| Woodie's | 62020 | 62111 | 62208 | 62299 | 62396 | 62487 | 62584 |
| DeMark's | - | - | 62252 | 62321 | 62440 | - | - |
List of content
FXtoday.news เป็นเพียงเว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวสาร และให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดทางการเงิน โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชักนำหรือเชิญชวน ในการลงทุนแต่อย่างใด โดยจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์
