บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 7 ตุลาคม 2567

Create at 2 months ago (Oct 07, 2024 11:53)

เงินเยนของญี่ปุ่นร่วงแตะระดับต่ำสุดใหม่ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นหลังการจ้างงานที่แข็งแกร่งและความระมัดระวังของ BOJ

เงินเยนญี่ปุ่นร่วงลงแตะระดับ 149.10 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากที่ร่วงลง 4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการสูญเสียรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะที่ระบุว่าญี่ปุ่นยังไม่พร้อมสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

อาซาฮี โนกูจิ กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เน้นย้ำถึงมุมมองที่ระมัดระวังนี้ โดยเน้นย้ำว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจได้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะยุติอัตราดอกเบี้ยติดลบในเดือนมีนาคม และปรับขึ้นต้นทุนการกู้ยืมเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม แต่เงินเฟ้อยังคงสูงเกินเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางระดับการบริโภคที่ต่ำที่เป็นสัญญาณของความระมัดระวังที่ยังคงอยู่ของครัวเรือนอันเนื่องมาจากภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษ

ทั้งนี้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับปานกลาง โดยอยู่ที่ 2.9% ต่อปีในไตรมาสที่ 2 แต่ BOJ ก็ยังลังเลที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมเดือนกันยายน โดยเน้นที่ความเสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังส่งผลต่อทิศทางนโยบาย โดยนายกรัฐมนตรีอิชิบะ ซึ่งตอนแรกถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของนโยบายแบบผ่อนคลายจนกว่าญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดอย่างสมบูรณ์ โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา โดยอิชิบะได้สั่งให้รัฐมนตรีต่างๆ เตรียมมาตรการบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจที่มุ่งบรรเทาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและรักษาเสถียรภาพของค่าจ้าง

โดยเรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่ย้ำจุดยืนที่ระมัดระวังนี้ โดยเน้นย้ำการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง BOJ และรัฐบาลเพื่อป้องกันการรัดเข็มขัดที่มากเกินไป ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณในการจัดการเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในขณะนี้ ท่ามกลางการแทรกแซงล่าสุดของนักการทูตระดับสูงด้านสกุลเงินของญี่ปุ่น ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมกิจกรรมเก็งกำไรในเงินเยน ขณะที่งดเว้นการอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการแทรกแซงตลาดในปัจจุบัน

ปัจจุบัน นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ BOJ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจนกว่า BOJ จะทบทวนรายไตรมาสครั้งต่อไป โดยการประชุมในวันที่ 30-31 ตุลาคมคาดว่าจะสะท้อนถึงแนวทางที่ใช้ความระมัดระวัง โดยความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของ BOJ ยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแรงกดดันทางการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงไปสู่นโยบายที่เข้มงวดล่าช้าออกไป จนกว่า BOJ จะมั่นใจว่าเศรษฐกิจมีความมั่นคง

ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แนะนำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยปรับให้สอดคล้องกับข้อมูลเงินเฟ้อ และพึ่งพาข้อมูลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ต่อไป โดยจูลี่ โคแซ็ค โฆษกของ IMF กล่าวว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินการต่อไปก็ต่อเมื่อการคาดการณ์เงินเฟ้อพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมเท่านั้น

ทางด้านตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะชะงักงันเนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเข้าซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลขาดแคลน และส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ตราสารอนุพันธ์ โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีในเดือนธันวาคมคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนพันธบัตร เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นถือพันธบัตรชุดนี้ถึง 95%

ภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงในเดือนสิงหาคม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุปสงค์การส่งออกที่อ่อนแอและพายุไต้ฝุ่น แม้ว่ากิจกรรมในภาคบริการจะเติบโตต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน ขณะที่การสำรวจ Tankan ซึ่งติดตามความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ เผยให้เห็นความเชื่อมั่นที่ทรงตัวในกลุ่มผู้ผลิต บ่งชี้ถึงเส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าภาคการผลิตจะยังมีความไม่แน่นอน

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของโตเกียวบรรลุเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นในเดือนกันยายน แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม โดยอัตราเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงทรงตัว ขณะที่ราคาเพิ่มขึ้นจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น งานชั่วคราวและการซ่อมรถยนต์ ท่ามกลางผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาซูโอะ อุเอดะ ที่กำลังติดตามเงินเฟ้อในภาคบริการอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าการปรับขึ้นของราคาเนื่องจากอุปสงค์นั้นสมควรที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่

สำหรับผลผลิตจากโรงงานในญี่ปุ่นได้รับผลกระทบในเดือนกันยายนเช่นกันเนื่องจากการส่งออกที่อ่อนแอและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ท่ามกลางยอดขายปลีกที่เติบโตในระดับปานกลาง ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นลดลงในเดือนสิงหาคม โดยอัตราส่วนการจ้างงานต่อผู้สมัครงานลดลงเล็กน้อย

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ถือเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 หลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนกันยายนทำให้ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดลง โดยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานใหม่ 254,000 ตำแหน่งและอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.1% ทำให้ตลาดประเมินความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่ ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างยังคงแข็งแกร่ง

รายงานดังกล่าวยังปรับตัวเลขการจ้างงานก่อนหน้านี้สำหรับเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมขึ้น ซึ่งสนับสนุนจุดยืนที่ระมัดระวังล่าสุดของเฟดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ยืนยันว่าเฟดน่าจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบเดิมในอัตราที่น้อย แต่เน้นย้ำว่าจะไม่เร่งรัดการปรับลดเพิ่มเติม จากข้อมูลดังกล่าว โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในการประชุมเดือนพฤศจิกายนจึงลดลงเหลือศูนย์ โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดแทน

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเพิ่มเติมที่มีกำหนดเผยแพร่ รวมถึงรายงานเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า จะช่วยกำหนดทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าข้อมูลเงินเฟ้อและตัวเลขราคาผู้ผลิตในวันพฤหัสบดีจะมีแนวโน้มลดลง ซึ่งคาดว่าจะสอดคล้องกับเป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่รายงานการประชุมเฟดในเดือนกันยายนที่จะเผยแพร่ในวันพุธ และคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในสัปดาห์หน้า จะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายและแนวทางของเฟดในการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1HCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 148.58, 148.65, 148.76

แนวรับสำคัญ : 148.36, 148.29, 148.18                                    

1H Outlook                       

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 148.16 – 148.36 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 148.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 148.58 และ SL ที่ประมาณ 148.06 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 148.58 – 148.78 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 149.11 และ SL ที่ประมาณ 148.26 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 148.58 – 148.78 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 148.58 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 148.29 และ SL ที่ประมาณ 148.88 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 148.16 – 148.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 147.94 และ SL ที่ประมาณ 148.68 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 7, 2024 11:25AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 148 148.18 148.29 148.47 148.58 148.76 148.87
Fibonacci 148.18 148.29 148.36 148.47 148.58 148.65 148.76
Camarilla 148.33 148.35 148.38 148.47 148.43 148.46 148.48
Woodie's 147.96 148.16 148.25 148.45 148.54 148.74 148.83
DeMark's - - 148.24 148.44 148.52 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES