เงินเยนของญี่ปุ่นร่วงแตะระดับต่ำสุดใหม่ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นหลังการจ้างงานที่แข็งแกร่งและความระมัดระวังของ BOJ
เงินเยนญี่ปุ่นร่วงลงแตะระดับ 149.10 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากที่ร่วงลง 4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการสูญเสียรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะที่ระบุว่าญี่ปุ่นยังไม่พร้อมสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
อาซาฮี โนกูจิ กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เน้นย้ำถึงมุมมองที่ระมัดระวังนี้ โดยเน้นย้ำว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจได้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะยุติอัตราดอกเบี้ยติดลบในเดือนมีนาคม และปรับขึ้นต้นทุนการกู้ยืมเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม แต่เงินเฟ้อยังคงสูงเกินเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางระดับการบริโภคที่ต่ำที่เป็นสัญญาณของความระมัดระวังที่ยังคงอยู่ของครัวเรือนอันเนื่องมาจากภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษ
ทั้งนี้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับปานกลาง โดยอยู่ที่ 2.9% ต่อปีในไตรมาสที่ 2 แต่ BOJ ก็ยังลังเลที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมเดือนกันยายน โดยเน้นที่ความเสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังส่งผลต่อทิศทางนโยบาย โดยนายกรัฐมนตรีอิชิบะ ซึ่งตอนแรกถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของนโยบายแบบผ่อนคลายจนกว่าญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดอย่างสมบูรณ์ โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา โดยอิชิบะได้สั่งให้รัฐมนตรีต่างๆ เตรียมมาตรการบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจที่มุ่งบรรเทาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและรักษาเสถียรภาพของค่าจ้าง
โดยเรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่ย้ำจุดยืนที่ระมัดระวังนี้ โดยเน้นย้ำการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง BOJ และรัฐบาลเพื่อป้องกันการรัดเข็มขัดที่มากเกินไป ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณในการจัดการเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในขณะนี้ ท่ามกลางการแทรกแซงล่าสุดของนักการทูตระดับสูงด้านสกุลเงินของญี่ปุ่น ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมกิจกรรมเก็งกำไรในเงินเยน ขณะที่งดเว้นการอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการแทรกแซงตลาดในปัจจุบัน
ปัจจุบัน นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ BOJ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจนกว่า BOJ จะทบทวนรายไตรมาสครั้งต่อไป โดยการประชุมในวันที่ 30-31 ตุลาคมคาดว่าจะสะท้อนถึงแนวทางที่ใช้ความระมัดระวัง โดยความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของ BOJ ยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และแรงกดดันทางการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงไปสู่นโยบายที่เข้มงวดล่าช้าออกไป จนกว่า BOJ จะมั่นใจว่าเศรษฐกิจมีความมั่นคง
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แนะนำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยปรับให้สอดคล้องกับข้อมูลเงินเฟ้อ และพึ่งพาข้อมูลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ต่อไป โดยจูลี่ โคแซ็ค โฆษกของ IMF กล่าวว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินการต่อไปก็ต่อเมื่อการคาดการณ์เงินเฟ้อพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมเท่านั้น
ทางด้านตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะชะงักงันเนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเข้าซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลขาดแคลน และส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ตราสารอนุพันธ์ โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีในเดือนธันวาคมคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนพันธบัตร เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นถือพันธบัตรชุดนี้ถึง 95%
ภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงในเดือนสิงหาคม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุปสงค์การส่งออกที่อ่อนแอและพายุไต้ฝุ่น แม้ว่ากิจกรรมในภาคบริการจะเติบโตต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน ขณะที่การสำรวจ Tankan ซึ่งติดตามความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ เผยให้เห็นความเชื่อมั่นที่ทรงตัวในกลุ่มผู้ผลิต บ่งชี้ถึงเส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าภาคการผลิตจะยังมีความไม่แน่นอน
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของโตเกียวบรรลุเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นในเดือนกันยายน แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม โดยอัตราเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงทรงตัว ขณะที่ราคาเพิ่มขึ้นจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น งานชั่วคราวและการซ่อมรถยนต์ ท่ามกลางผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาซูโอะ อุเอดะ ที่กำลังติดตามเงินเฟ้อในภาคบริการอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าการปรับขึ้นของราคาเนื่องจากอุปสงค์นั้นสมควรที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่
สำหรับผลผลิตจากโรงงานในญี่ปุ่นได้รับผลกระทบในเดือนกันยายนเช่นกันเนื่องจากการส่งออกที่อ่อนแอและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ท่ามกลางยอดขายปลีกที่เติบโตในระดับปานกลาง ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นลดลงในเดือนสิงหาคม โดยอัตราส่วนการจ้างงานต่อผู้สมัครงานลดลงเล็กน้อย
ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ถือเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 หลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนกันยายนทำให้ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดลง โดยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานใหม่ 254,000 ตำแหน่งและอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.1% ทำให้ตลาดประเมินความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่ ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างยังคงแข็งแกร่ง
รายงานดังกล่าวยังปรับตัวเลขการจ้างงานก่อนหน้านี้สำหรับเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมขึ้น ซึ่งสนับสนุนจุดยืนที่ระมัดระวังล่าสุดของเฟดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ยืนยันว่าเฟดน่าจะเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบเดิมในอัตราที่น้อย แต่เน้นย้ำว่าจะไม่เร่งรัดการปรับลดเพิ่มเติม จากข้อมูลดังกล่าว โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในการประชุมเดือนพฤศจิกายนจึงลดลงเหลือศูนย์ โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดแทน
อย่างไรก็ดี ข้อมูลเพิ่มเติมที่มีกำหนดเผยแพร่ รวมถึงรายงานเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า จะช่วยกำหนดทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าข้อมูลเงินเฟ้อและตัวเลขราคาผู้ผลิตในวันพฤหัสบดีจะมีแนวโน้มลดลง ซึ่งคาดว่าจะสอดคล้องกับเป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่รายงานการประชุมเฟดในเดือนกันยายนที่จะเผยแพร่ในวันพุธ และคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในสัปดาห์หน้า จะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายและแนวทางของเฟดในการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/JPY
แนวต้านสำคัญ : 148.58, 148.65, 148.76
แนวรับสำคัญ : 148.36, 148.29, 148.18
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 148.16 – 148.36 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 148.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 148.58 และ SL ที่ประมาณ 148.06 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 148.58 – 148.78 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 149.11 และ SL ที่ประมาณ 148.26 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 148.58 – 148.78 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 148.58 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 148.29 และ SL ที่ประมาณ 148.88 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 148.16 – 148.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 147.94 และ SL ที่ประมาณ 148.68 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Oct 7, 2024 11:25AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 148 | 148.18 | 148.29 | 148.47 | 148.58 | 148.76 | 148.87 |
Fibonacci | 148.18 | 148.29 | 148.36 | 148.47 | 148.58 | 148.65 | 148.76 |
Camarilla | 148.33 | 148.35 | 148.38 | 148.47 | 148.43 | 148.46 | 148.48 |
Woodie's | 147.96 | 148.16 | 148.25 | 148.45 | 148.54 | 148.74 | 148.83 |
DeMark's | - | - | 148.24 | 148.44 | 148.52 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ