บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 8 ตุลาคม 2567

Create at 1 week ago (Oct 08, 2024 10:46)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และความผันผวนของตลาดก่อนฤดูกาลรายงานผลประกอบการ

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงในวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานการจ้างงานที่ดีเกินคาด ตอกย้ำความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยข้อมูลแรงงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการเดิมพันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลงอย่างมาก ท่ามกลางผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลง

ทั้งนี้ ตลาดเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติม รวมถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนมิลตัน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ หลังจากพายุเฮอริเคนเฮเลนที่ได้สร้างผลกระทบร้ายแรง นอกจากนี้ ความรู้สึกของตลาดยังได้รับผลกระทบเนื่องจากคำสั่งจากผู้พิพากษาที่สั่งให้ Google ของ Alphabet ปรับเปลี่ยนร้านค้าแอปบนมือถือเพื่อให้มีตัวเลือกสำหรับผู้ใช้มากขึ้น ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีถูกกดดันหนักขึ้น ท่ามกลางรายงานของนักวิเคราะห์เชิงลบที่กดดัน Amazon และ Apple ส่งผลให้หุ้นของทั้งสองบริษัทร่วงลง

โดยราคาหุ้นของ Alphabet Inc. ร่วงลงกว่า 2% หลังจากผู้พิพากษาสหรัฐฯ ตัดสินให้ Epic Games ชนะคดีต่อต้านการผูกขาด โดยกำหนดให้ Google อนุญาตให้มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก Play Store บน Android ในขณะเดียวกัน Pfizer พบการเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากมีข่าวว่า Starboard Value เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันให้บริษัทฟื้นตัว ท่ามกลางหุ้น Hershey ที่ร่วงลง 2% หลังจากที่ UBS ปรับลดระดับหุ้นเนื่องจากความกังวลเรื่องอัตรากำไรจากเงินเฟ้อ และ Amazon ที่ร่วงลงมากกว่า 3% ขณะที่ Wells Fargo ปรับระดับหุ้น โดยอ้างถึงแรงกดดันด้านการแข่งขันจาก Walmart

ในตลาดโดยรวม มีเพียงกลุ่มพลังงานเท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 โดยเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งขับเคลื่อนโดยราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 3.7% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปทานในตะวันออกกลาง ขณะที่สาธารณูปโภคและการบริการสื่อสารยังคงถูกดดัน จากการลดลง 2.5% ของ Alphabet นอกจากนี้ Apple ยังลดลง 2.3% ถูกกดดันหลังจาก Jefferies ให้คะแนนเป็น “คำแนะนำให้ถือ” ขณะที่หุ้น Generac Holdings ปรับตัวขึ้น 8.5% เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าความต้องการเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากพายุเฮอริเคนที่กำลังใกล้เข้ามา

ล่าสุด ปัจจุบันนักลงทุนกำลังรอรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตที่จะเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ โดยมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อมีกำหนดประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้ รวมถึงการเริ่มต้นฤดูกาลรายได้ไตรมาสที่สาม โดยจะเริ่มจากรายงานของธนาคารใหญ่ๆ ท่ามกลางความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานที่อาจบ่งบอกถึงเสถียรภาพ ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดจุดยืนของเฟดเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ทางด้าน Goldman Sachs ได้ปรับปรุงราคาเป้าหมายดัชนี S&P 500 ระยะเวลา 12 เดือนเป็น 6,300 โดยคาดการณ์ผลตอบแทนราคาประจำปีที่ 10% แต่เตือนว่าการประเมินมูลค่าที่สูงอาจจำกัดการเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งยังคาดการณ์การเพิ่มขึ้นที่อาจเกิดขึ้น 15% หากอัตราส่วน P/E ยังคงสูง หรืออาจถึง 20% หากพุ่งไปถึงค่าเฉลี่ยในปี 2021

ทั้งนี้ Goldman Sachs ปรับลดความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยลงเหลือ 15% หลังจากข้อมูลการจ้างงานในเดือนกันยายนแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่ไม่คาดคิด โดยระบุว่าการเติบโตของงานยังคงที่พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ลดลง และมองว่าอาจสนับสนุนแนวทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อไป

ทางด้าน Bank of America มองว่าความผันผวนโดยนัยของหุ้นแต่ละตัวจะเพิ่มขึ้นในฤดูกาลรายงานผลประกอบการนี้ บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวที่มากขึ้นหลังการรายงานผลประกอบการ โดยการประเมินการเคลื่อนไหวของหุ้นต่ำกว่าความเป็นจริงในไตรมาสที่แล้วบ่งชี้ถึงหุ้นที่อาจให้ผลตอบแทนที่สำคัญหากแนวโน้มความผันผวนยังคงดำเนินต่อไป ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังสามารถจัดการได้ ตัวบ่งชี้เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้น โดยมองว่าข้อมูล CPI ในวันพฤหัสบดีอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ขับเคลื่อนโดย CPI ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

โดยในสัปดาห์นี้จะมีการอัปเดตที่สำคัญเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก และรายงานการประชุม FOMC รวมถึงฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ ที่จะเริ่มขึ้นเช่นกัน โดยธนาคารใหญ่ๆ เช่น JPMorgan, Wells Fargo และ BlackRock จะรายงานผลประกอบการในวันศุกร์ รวมไปถึง PepsiCo และ Delta ในช่วงต้นสัปดาห์

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5700.6, 5702.7, 5706.1

แนวรับสำคัญ : 5693.8, 5691.7, 5688.3                     

1H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView             

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5683.8 - 5693.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5693.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5702.5 และ SL ที่ประมาณ 5678.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5700.6 - 5710.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5718.5 และ SL ที่ประมาณ 5688.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5700.6 - 5710.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5700.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5693.6 และ SL ที่ประมาณ 5715.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5683.8 - 5693.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5676.3 และ SL ที่ประมาณ 5705.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 8, 2024 10:27AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5684.7 5688.3 5693.6 5697.2 5702.5 5706.1 5711.4
Fibonacci 5688.3 5691.7 5693.8 5697.2 5700.6 5702.7 5706.1
Camarilla 5696.4 5697.2 5698 5697.2 5699.6 5700.4 5701.2
Woodie's 5685.5 5688.7 5694.4 5697.6 5703.3 5706.5 5712.2
DeMark's - - 5695.4 5698.1 5704.3 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES