บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 15 ตุลาคม 2567

Create at 1 day ago (Oct 15, 2024 10:49)

Dow แตะ 43,000 ท่ามกลางความไม่แน่นอนเฟด-การเลือกตั้ง

หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ ท่ามกลางการคาดการณ์รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เพิ่มเติม รวมถึงความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำการพุ่งขึ้นของตลาด ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้ดัชนี S&P 500 และ Dow พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเนื่องจากวันหยุดโคลัมบัส ขณะที่แรงขับเคลื่อนของตลาดซึ่งกระตุ้นโดยผลกำไรของธนาคารที่แข็งแกร่งในวันศุกร์ ส่งผลให้ดัชนี Dow พุ่งขึ้นเหนือ 43,000 จุดเป็นครั้งแรก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น NVIDIA และ Arm Holdings ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของดัชนี Dow ถูกจำกัดด้วยการร่วงลงของหุ้น Caterpillar และ Boeing เนื่องมาจากการปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์และการคาดการณ์ถึงการขาดทุนตามลำดับ

ทั้งนี้ นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ไปสู่สถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะ "ไม่มีการลงจอด" ซึ่งขับเคลื่อนโดยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่สูง โดยนักยุทธศาสตร์ของ Bank of America มองว่าตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นไปตามที่คาด ขณะที่หุ้นวัฏจักรซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นอาจแซงหน้าหุ้นเชิงรับหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าก่อนหน้านี้ Bank of America จะระบุถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจเกิดขึ้น แต่ข้อมูลที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนกันยายนได้ช่วยสร้างความสมดุลให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดย "การลงจอดอย่างนุ่มนวล" ยังคงถือเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

ในขณะเดียวกัน ความผันผวนของตลาดสหรัฐฯ กำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้ง โดยพบดัชนี VIX มีแนวโน้มสูงขึ้น นักยุทธศาสตร์ของ Evercore สังเกตเห็นความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรองประธานาธิบดีแฮร์ริสและอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงอยู่ในการแข่งขันที่สูสี เช่นเดียวกับวัฏจักรการเลือกตั้งในอดีต ความไม่แน่นอนของตลาดทวีความรุนแรงขึ้นจากความเป็นไปได้ที่ผลการเลือกตั้งจะล่าช้าหรือผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดความผันผวน โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้วางตำแหน่งในภาคส่วนธุรกิจที่มีค่าเบต้าสูง เช่น เทคโนโลยี ไบโอเทค และหุ้นขนาดเล็ก เพื่อคว้ากำไรที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่สร้างสมดุลด้วยการลงทุนเชิงรับ

ทางด้าน Deutsche Bank รายงานว่ามีการไหลเข้าของเงินทุนไปยังตลาดหุ้นอย่างสม่ำเสมอและพบกิจกรรมการซื้อคืนที่แข็งแกร่ง โดยเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งแตกต่างจากการไหลออกของเงินทุนจากตลาดญี่ปุ่นและยุโรป โดยพบหุ้นเทคโนโลยีและการเงินมีเงินไหลเข้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสนใจอย่างต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีของจีน ท่ามกลางฤดูกาลรายงานผลประกอบการที่ดำเนินต่อไป กิจกรรมการซื้อคืนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จะสามารถช่วยหนุนราคาหุ้นได้

นักวิเคราะห์ของ UBS ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ โดยอ้างถึงสภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย และการเติบโตของกำไร โดยการลงทุนใน AI ยังคงถูกจับตามอง และคาดว่าจะพบกำไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูง โดย UBS คาดการณ์การเติบโตของกำไร 5-7% สำหรับ S&P 500 ในไตรมาสที่ 3 และมองว่าราคาหุ้นจะได้รับแรงหนุนจนถึงปี 2024 และไปจนถึงกลางปี​​2025

อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จะมีความเข้มข้นขึ้น จากรายงานผลประกอบการจากสถาบันการเงินหลักๆ อย่าง Bank of America, Citigroup, Goldman Sachs และ Morgan Stanley ส่งผลให้นักลงทุนประเมินความแข็งแกร่งของผลประกอบการ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูง ขณะที่บริษัทสำคัญๆ จากภาคส่วนอื่นๆ เช่น Johnson & Johnson, ASML และ Netflix มีกำหนดเตรียมรายงานผลประกอบการเช่นกัน ท่ามกลาง Boeing ที่เผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากแผนลดจำนวนพนักงาน 10% และการส่งมอบ 777X ที่ล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท โดยนักลงทุนกำลังจับตาดูผลประกอบการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและประเมินว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันยังมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากผลประกอบการแล้ว ความสนใจยังอยู่ที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยข้อมูลยอดขายปลีกในเดือนกันยายนจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในขณะที่คำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอาจให้เบาะแสเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยนายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ได้แสดงท่าทีระมัดระวัง โดยคาชคารีระบุถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขอบเขตที่จำกัด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (15Min) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 43157.8, 43159.1, 43161.4

แนวรับสำคัญ : 43153.2, 43151.9, 43149.6            

15Min Outlook            

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                                  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 43148.2 - 43153.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 43153.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43157.8 และ SL ที่ประมาณ 43145.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 43157.8 - 43162.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43172.5 และ SL ที่ประมาณ 43150.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 43157.8 - 43162.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 43157.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43151.6 และ SL ที่ประมาณ 43165.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 43148.2 - 43153.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43141.0 และ SL ที่ประมาณ 43160.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 15, 2024 10:21AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 43145.7 43149.6 43151.6 43155.5 43157.5 43161.4 43163.4
Fibonacci 43149.6 43151.9 43153.2 43155.5 43157.8 43159.1 43161.4
Camarilla 43151.9 43152.4 43153 43155.5 43154 43154.6 43155.1
Woodie's 43144.7 43149.1 43150.6 43155 43156.5 43160.9 43162.4
DeMark's - - 43150.6 43155 43156.4 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES