Dow แตะ 43,000 ท่ามกลางความไม่แน่นอนเฟด-การเลือกตั้ง
หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ ท่ามกลางการคาดการณ์รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เพิ่มเติม รวมถึงความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำการพุ่งขึ้นของตลาด ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้ดัชนี S&P 500 และ Dow พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเนื่องจากวันหยุดโคลัมบัส ขณะที่แรงขับเคลื่อนของตลาดซึ่งกระตุ้นโดยผลกำไรของธนาคารที่แข็งแกร่งในวันศุกร์ ส่งผลให้ดัชนี Dow พุ่งขึ้นเหนือ 43,000 จุดเป็นครั้งแรก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น NVIDIA และ Arm Holdings ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของดัชนี Dow ถูกจำกัดด้วยการร่วงลงของหุ้น Caterpillar และ Boeing เนื่องมาจากการปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์และการคาดการณ์ถึงการขาดทุนตามลำดับ
ทั้งนี้ นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ไปสู่สถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะ "ไม่มีการลงจอด" ซึ่งขับเคลื่อนโดยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่สูง โดยนักยุทธศาสตร์ของ Bank of America มองว่าตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นไปตามที่คาด ขณะที่หุ้นวัฏจักรซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นอาจแซงหน้าหุ้นเชิงรับหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าก่อนหน้านี้ Bank of America จะระบุถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจเกิดขึ้น แต่ข้อมูลที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือนกันยายนได้ช่วยสร้างความสมดุลให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดย "การลงจอดอย่างนุ่มนวล" ยังคงถือเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
ในขณะเดียวกัน ความผันผวนของตลาดสหรัฐฯ กำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นก่อนการเลือกตั้ง โดยพบดัชนี VIX มีแนวโน้มสูงขึ้น นักยุทธศาสตร์ของ Evercore สังเกตเห็นความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรองประธานาธิบดีแฮร์ริสและอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงอยู่ในการแข่งขันที่สูสี เช่นเดียวกับวัฏจักรการเลือกตั้งในอดีต ความไม่แน่นอนของตลาดทวีความรุนแรงขึ้นจากความเป็นไปได้ที่ผลการเลือกตั้งจะล่าช้าหรือผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดความผันผวน โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้วางตำแหน่งในภาคส่วนธุรกิจที่มีค่าเบต้าสูง เช่น เทคโนโลยี ไบโอเทค และหุ้นขนาดเล็ก เพื่อคว้ากำไรที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่สร้างสมดุลด้วยการลงทุนเชิงรับ
ทางด้าน Deutsche Bank รายงานว่ามีการไหลเข้าของเงินทุนไปยังตลาดหุ้นอย่างสม่ำเสมอและพบกิจกรรมการซื้อคืนที่แข็งแกร่ง โดยเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งแตกต่างจากการไหลออกของเงินทุนจากตลาดญี่ปุ่นและยุโรป โดยพบหุ้นเทคโนโลยีและการเงินมีเงินไหลเข้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสนใจอย่างต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีของจีน ท่ามกลางฤดูกาลรายงานผลประกอบการที่ดำเนินต่อไป กิจกรรมการซื้อคืนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จะสามารถช่วยหนุนราคาหุ้นได้
นักวิเคราะห์ของ UBS ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ โดยอ้างถึงสภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย และการเติบโตของกำไร โดยการลงทุนใน AI ยังคงถูกจับตามอง และคาดว่าจะพบกำไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูง โดย UBS คาดการณ์การเติบโตของกำไร 5-7% สำหรับ S&P 500 ในไตรมาสที่ 3 และมองว่าราคาหุ้นจะได้รับแรงหนุนจนถึงปี 2024 และไปจนถึงกลางปี2025
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จะมีความเข้มข้นขึ้น จากรายงานผลประกอบการจากสถาบันการเงินหลักๆ อย่าง Bank of America, Citigroup, Goldman Sachs และ Morgan Stanley ส่งผลให้นักลงทุนประเมินความแข็งแกร่งของผลประกอบการ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูง ขณะที่บริษัทสำคัญๆ จากภาคส่วนอื่นๆ เช่น Johnson & Johnson, ASML และ Netflix มีกำหนดเตรียมรายงานผลประกอบการเช่นกัน ท่ามกลาง Boeing ที่เผชิญการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากแผนลดจำนวนพนักงาน 10% และการส่งมอบ 777X ที่ล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท โดยนักลงทุนกำลังจับตาดูผลประกอบการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและประเมินว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันยังมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ นอกเหนือจากผลประกอบการแล้ว ความสนใจยังอยู่ที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยข้อมูลยอดขายปลีกในเดือนกันยายนจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในขณะที่คำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอาจให้เบาะแสเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยนายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ได้แสดงท่าทีระมัดระวัง โดยคาชคารีระบุถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขอบเขตที่จำกัด
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (15Min) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 43157.8, 43159.1, 43161.4
แนวรับสำคัญ : 43153.2, 43151.9, 43149.6
15Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 43148.2 - 43153.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 43153.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43157.8 และ SL ที่ประมาณ 43145.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 43157.8 - 43162.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43172.5 และ SL ที่ประมาณ 43150.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 43157.8 - 43162.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 43157.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43151.6 และ SL ที่ประมาณ 43165.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 43148.2 - 43153.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43141.0 และ SL ที่ประมาณ 43160.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Oct 15, 2024 10:21AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 43145.7 | 43149.6 | 43151.6 | 43155.5 | 43157.5 | 43161.4 | 43163.4 |
Fibonacci | 43149.6 | 43151.9 | 43153.2 | 43155.5 | 43157.8 | 43159.1 | 43161.4 |
Camarilla | 43151.9 | 43152.4 | 43153 | 43155.5 | 43154 | 43154.6 | 43155.1 |
Woodie's | 43144.7 | 43149.1 | 43150.6 | 43155 | 43156.5 | 43160.9 | 43162.4 |
DeMark's | - | - | 43150.6 | 43155 | 43156.4 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ