ภาพรวมตลาดลงทุนประจำสัปดาห์: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บิทคอยน์และ Tesla ยังอยู่ในขาขึ้นต่อไป

ภาพรวมตลาดลงทุนประจำสัปดาห์: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บิทคอยน์และ Tesla ยังอยู่ในขาขึ้นต่อไป
Create at 3 years ago (Jan 12, 2021 11:38)

ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นขานรับคำสัญญาของไบเดนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

- บิทคอยน์ทะยานขึ้นแตะ $40,000 ได้ภายในสัปดาห์แรกของปี 2021

- ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขึ้นยืนเหนือ 1% ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่แล้วสามารถปรับตัวขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้หลังจากนายโจ ไบเดนได้รับการรับรองจากสภาคองเกรสแล้วว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแน่นอนแล้ว สาเหตุที่ตลาดหุ้นสามารถขึ้นได้เช่นนั้นเป็นเพราะโจ ไบเดนได้สัญญาเอาไว้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทันทีที่เขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดกว่ากันว่าเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประชาชนแต่ละคนจะได้ในครั้งนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ $2,000 

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์อีก 0.5% กลายเป็นขาขึ้นวันที่สี่ติดต่อกัน กลุ่มที่หนุนในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้วคือกลุ่มบริษัทค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลของกลุ่มด้วย แม้จะฟังดูเป็นสถานการณ์ที่ดี แต่จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วเราพบว่ารูปแบบการวิ่งของราคาเมื่อวันศุกร์อาจจะกำลังเป็นการส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดัชนีเอสแอนด์พี 500

จากรูปจะเห็นว่าแท่งเทียนเมื่อวันศุกร์ในกราฟดัชนีเอสแอนด์พี 500 แบบรายวันได้สร้างรูปแบบคนแขวนคอ (Hanging Man) ขึ้นมา หากว่าราคาปิดของแท่งเทียนในวันนี้อยู่ต่ำกว่าตัวแท่งเทียนของวันศุกร์ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงที่กำลังจะเกิดขึ้น แนวรับแรกที่นักลงทุนควรพิจารณาคือบริเวณกรอบราคาขาขึ้นที่ราคาได้วิ่งทะลุขึ้นมา

ดัชนีดาวโจนส์ก็สามารถทำผลงานขาขึ้นได้สี่วันติดต่อกันเช่นเดียวกับเอสแอนด์พี 500 โดยขาขึ้นเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้น 0.2% ดัชนีแนสแด็กคอมโพสิตที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ 1% กลายเป็นขาขึ้นวันที่สองติดต่อกัน ส่วนแนสแด็ก 100 นั้นทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดด้วยขาขึ้น 1.3% เพราะเทสล่า (NASDAQ:TSLA)ทะยานขึ้น 7.8% ทำให้ภายในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัทเทสลามีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นภายในวันเดียว $60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ามูลค่าของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (NYSE:GM) ที่สำคัญ ข่าวดีนี้ยังส่งให้ CEO ของบริษัทเทสลานายอีลอน มัสก์ กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก แซงหน้าเจฟ เบซอส แห่งอาณาจักรอะเมซอนไปเรียบร้อยแล้ว

มีเพียงดัชนีรัสเซล 2000 เท่านั้นที่ปิดติดลบ 0.4% เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีรัสเซล 2000 ก็สามารถวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดที่มีต่อการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19

สำหรับปี 2021 แล้ว…เริ่มต้นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับจะมีจุดจบอย่างไร

แม้จะประเดิมสัปดาห์แรกของปี 2021 ได้ด้วยตัวเลขสีเขียว แต่ลำพังสัปดาห์แรกของปีใหม่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดทิศทางการวิ่งของตลาดหลักทรัพย์ตลอดทั้งปีและยังไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าปี 2021 นี้มนุษยชาติจะจบปีด้วยสถานการณ์ที่ดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าเดิม 

สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาตอนนี้ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าจากนี้ไปอีก 4 ปี เราจะได้รัฐบาลที่มาจากพรรคเดโมแครตที่สามารถครองได้ทั้งทำเนียบขาว สภาสมาชิกวุฒิสภาและสภาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แม้ว่าที่สภาวุฒิสภาเสียงจะแบ่งออกเป็น 50 50 อย่างเท่าๆ กัน แต่เมื่อใดที่การลงคะแนนมีคะแนนที่เท่ากันพอดี ผู้ที่ตัดสินใจซึ่งเป็นเสียงที่ 51 จะเป็นของนางกามาลา แฮรริส รองประธานาธิบดีที่มาจากพรรคเดโมแครต นี่จึงเป็นเหตุผลที่สำนักข่าวส่วนใหญ่ถึงขนานนามปรากฏการณ์นี้ว่า “คลื่นสีฟ้า (Blue Wave)”

ความท้าทายที่พรรคเดโมแครตจะต้องเจอในปีนี้คือภาคต่อของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญตลาดจะจับตาดูว่านโยบายการขึ้นและเก็บภาษีกับบริษัทเอกชนจะมีผลบังคับใช้และวิ่งลงมาสู่คนชนชั้นล่างได้ดีแค่ไหน แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมแน่ แต่ความเร็วในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในยุคของโจ ไบเดนก็เป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งโลกจับตาดูเช่นกัน จังหวะในการประกาศใช้นโยบายขึ้นภาษีกับบริษัทเอกชนนั้นจึงมีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจภายในประเทศมาก

ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 9 วันก่อนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในตลาดขาขึ้น พวกเขายังพร้อมที่จะซื้อหุ้นในตำแหน่งราคาที่แสนแพงและท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจจากพิษไวรัสโรคระบาดโควิด-19 เพราะสิ่งที่นักลงทุนเชื่อมั่นในตอนนี้เป็นอย่างมากคือ “ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเมื่อมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและวัคซีนต้านโควิด-19”

นายโมฮัมหมัด เอล อิเรียน หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของบริษัทอลิอันซ์ได้ส่งคำเตือนมาถึงนักลงทุนในตลาดว่า

“ตอนนี้มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่ามากกว่า $40.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่ตัวเลข GDP ของประเทศนั้นกลับมีน้อยกว่า $21.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ผมไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ตลาดลงทุนจะวิ่งเป็นจักรวาลคู่ขนานไปกับสภาพเศรษฐกิจจริงได้ห่างกันเท่านี้มาก่อนในชีวิต”

นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 เดือนที่เราได้เห็นภาพของกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีขึ้นมาสูงกว่า 1% และยังนับเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นกราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัวขึ้นสี่วันติดต่อกันซึ่งเกือบขึ้นถึง 1.2% แล้วด้วย หากจะเรียกว่านี่คือแนวโน้มขาขึ้น ก็พอถือว่ายอมรับได้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการมาของคลื่นสีฟ้าจะทำให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดอลล่าห์สหรัฐฯอ่อนมูลค่าลงในระยะยาวเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก่อนจะถึงวันนั้น สัปดาห์ที่แล้วดอลลาร์สหรัฐขอแข็งค่าขึ้นรับประธานาธิบดีคนใหม่ก่อน นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เราได้เห็นดอลลาร์สหรัฐสามารถแข็งค่าขึ้นได้เป็นวันที่สามติดต่อกัน 

จะเห็นว่ากราฟได้พยายามฟอร์มตัวเป็นรูปแบบค้อนที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก (ไส้ของแท่งเทียนมีขนาดเล็กไปไม่ตรงตามตำรา) อย่างไรก็ตามขาขึ้นของดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันอีกมากเพราะยังมีแนวต้านอีกหลายด่านที่รอให้กราฟขึ้นมาทดสอบอยู่เช่นแนวต้านจากเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงและเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสาม 50, 100 และ 200 สัปดาห์

แม้ดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ผลกระทบนี้ถึงกับทำให้ราคาทองคำทรุดหนักลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันศุกร์ ขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ 4.1% หายไปภายในคืนเดียว นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่าไม่ใช่เพียงเพราะดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่เพราะกราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีส่วนสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ ทำให้ผลตอบแทนของกราฟผลตอบแทนฯ ในสัปดาห์ที่แล้วมีมากกว่าราคาทองคำ

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราจะเห็นว่าราคาทองคำในตอนนี้ได้หลุดออกมาจากกรอบราคาขาขึ้นระยะสั้นเรียบร้อยแล้ว และได้วิ่งกลับเข้าสู่กรอบราคาขาลงระยะกลางและวิ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเรียบร้อย แต่หากพิจารณากราฟที่ไทม์เฟรมรายสัปดาห์ จะพบว่าราคาทองคำยังคงวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ หมายความว่าในระยะยาว กราฟยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่

ในขณะที่ทองคำในโลกความเป็นจริงไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน แต่ทองคำแห่งโลกดิจิทัลบิทคอยน์กลับยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ของจุดสูงสุดใหม่ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะหยุดพักที่ใด เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กราฟ บิทคอยน์ก็สามารถปิดเหนือ $40,000 ได้สำเร็จ มากกว่าเป้า $20,000 ที่นักวิเคราะห์มองก่อนหน้านี้ได้ภายในระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม เราก็อยากจะเตือนนักลงทุนเอาไว้ว่าขาขึ้นของบิทคอยน์ในตอนนี้ถือว่าอยู่สูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริงไปเยอะแล้ว ที่สำคัญขาขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำได้เพียง 25.1% อาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างมายังนักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อนแต่เข้ามาเพราะเห็นว่าใครๆ ก็พูดถึงบิทคอยน์

นอกจากบิทคอยน์แล้ว อีกหนึ่งขาขึ้นที่ตลาดกำลังดูว่าจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ก็คือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา

จิม เครมเมอร์ จากรายการ เมด มันนี่ (Mad Money) กล่าวว่าตอนนี้ขาขึ้นของเทสลามาได้เพราะพลังของนักลงทุนยุคใหม่ที่เชื่อในพลังงานทางเลือก เช่นเดียวกับบิทคอยน์ที่ตอนนี้เป็นสินทรัพย์ที่คนยุคใหม่เข้าไปลงทุนเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากสำหรับสถานการณ์ของทั้งสองกราฟในตอนนี้คือฟองสบู่นี้ไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อไหร่และจะมีนักลงทุนหน้าใหม่สักกี่คนที่ติดอยู่บนดอยนั้น

ในที่สุดราคาน้ำมันดิบก็สามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคาจิตวิทยาที่ $50 ต่อบาร์เรลได้สำเร็จนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ขานรับการเสียสละของพี่ใหญ่แห่งกลุ่มโอเปกอย่างซาอุดิอาระเบียที่ยอมลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1,000,000 บาร์เรลต่อวัน

กราฟน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ที่แล้วทำให้ขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์กลายเป็นขาขึ้นสี่วันติดต่อกัน การวิ่งขึ้นไปยัง $52 ต่อบาร์เรลได้ทำให้อินดิเคเตอร์ RSI ขึ้นไปอยู่ในระดับ overbought ที่ 74 ด้วย 

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EST)

วันอาทิตย์

19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะลดลงจากครั้งก่อน 7.0% เป็น 1.6%

วันจันทร์

18:50 (ญี่ปุ่น) รายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด: คาดว่าจะลดลงมายัง 1.551T

วันอังคาร

10:00 (สหรัฐฯ)  รายงานตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JLOT: ตัวเลขในครั้งก่อนออกมาอยู่ที่ 6.652M

วันพุธ

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 0.2% เป็น 0.1%

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -8.010M เป็น -2.133M

วันพฤหัสบดี

02:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลข GDP: รายงานตัวเลขการเติบโตรายไตรมาสครั้งก่อนอยู่ที่ 8.5%

07:30 (ยูโรโซน) แถลงการณ์นโยบายการเงินจากธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB)

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 787K เป็น 780K

วันศุกร์

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าแบบเดือนต่อเดือนจะลดลงจาก 1.7% เป็น 1.0%

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.9% เป็น -0.1%

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: อาจเพิ่มขึ้นจาก -1.1% เป็น -0.2%

 

Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES