อัตราเงินเฟ้อในอินเดียพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
ค่าเงินรูปีของอินเดียยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อกับเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารไทยอินเดียที่ 4% ทำให้เหล่านักลงทุนอาจจำเป็นต้องพิจารณาใหม่ว่าธนาคารกลางอินเดียจะสามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายภายในปีนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การไหลออกของเงินตราต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อพี่ยังคงทรงตัวในสหรัฐฯ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐไม่รีบร้อนในการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงย้ำและอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นได้อีก นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนบางส่วนเริ่มสนใจในประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่รัฐบาลจีนอาจทำให้ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในจีนดีกว่าอินเดีย
อัตราเงินเฟ้อในอินเดียพุ่งขึ้นเป็น 5.49% ในเดือนกันยายน จาก 3.65% ในเดือนก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5% นับเป็นอัตราเงินเฟ้อสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีและพุ่งสูงเกินเป้าหมายของ ธนาคารกลางที่ 4% ส่งผลให้ความคาดหวังของนักลงทุนก่อนหน้านี้ว่าธนาคารกลางจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ น้อยลง โดยอัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 9.24% ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของอัตราเงินเฟ้อทั้งหมดของอินเดีย โดยราคาผักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 35.99% เนื่องจากการขาดแคลนผลผลิตและสภาพอากาศที่แปรปรวน ในขณะที่ราคาพลังงานไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 6.5% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนมีมุมมองว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังคงคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2024 และ 2025 ไว้ที่ 7.2% นอกจากนี้ ยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อไว้ที่ 4.5%
การขาดดุลการค้าของอินเดียอยู่ที่ 20.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน โดยการนำเข้าเติบโตเพียง 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 55.4 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาสินค้าพลังงาน ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่มีการซื้อจากต่างประเทศมากที่สุดมีราคาลดลงในตลาดขายส่ง ในขณะเดียวกัน ร่างกายส่งออกขยายตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.5% จากปีก่อนหน้า จากปีก่อนหน้าคิด 34.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 84.071, 84.112, 84.154
แนวรับสำคัญ: 83.989, 83.948, 83.907
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 83.948 - 83.989 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.989 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 84.112 และ SL ที่ประมาณ 83.907 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 84.071 - 84.112 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 84.154 และ SL ที่ประมาณ 83.948 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 84.071 - 84.112 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 84.071 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.948 และ SL ที่ประมาณ 84.154 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.948 - 83.989 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.907 และ SL ที่ประมาณ 84.112 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 16 ตุลาคม 2567 21:10 น. GMT+7
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
Classic | 83.907 | 83.948 | 83.989 | 84.03 | 84.071 | 84.112 | 84.154 |
Fibonacci | 83.948 | 83.979 | 83.999 | 84.03 | 84.061 | 84.081 | 84.112 |
Camarilla | 84.007 | 84.015 | 84.022 | 84.03 | 84.037 | 84.045 | 84.052 |
Woodie's | 83.907 | 83.948 | 83.989 | 84.03 | 84.071 | 84.112 | 84.154 |
DeMark's | - | - | 83.968 | 84.019 | 84.05 | - | - |