บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 22 ตุลาคม 2567

Create at 4 weeks ago (Oct 22, 2024 11:35)

S&P 500 ทำสถิติใหม่ การประเมินมูลค่าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กดดันนักลงทุน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีหลักทั้งสองปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 สัปดาห์ จากแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของตลาดที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนก่อนเข้าสู่ฤดูกาลรายงานผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม หุ้นเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยบางตัว เช่น เทสลา ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

ในวันจันทร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนีของวอลล์สตรีท รวมถึงดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงและผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น โดยผลกระทบจากความกลัวเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ได้ส่งผลให้ตลาดทั่วโลกมีบรรยากาศที่ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าแตะระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทางด้านหุ้นเทคโนโลยีเผชิญทิศทางที่หลากหลาย โดย Nvidia พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq โดยรวมพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย รายงานผลประกอบการของบริษัทที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะจากบริษัทใหญ่ๆ เช่น Tesla และผู้ผลิตชิป Texas Instruments และ Seagate ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ คาดว่ารายงานผลประกอบการของบริษัทเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ เช่น Lockheed Martin และบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น Verizon และ AT&T จะเผยแพร่มาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจช่วยเสริมการคาดการณ์ของตลาด

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวที่น่าสังเกตอื่นๆ ในตลาด ได้แก่ การพุ่งขึ้น 3.1% ของ Boeing หลังจากมีข่าวข้อตกลงด้านแรงงาน และ Spirit Airlines พุ่งขึ้น 53% หลังจากบรรลุข้อตกลงการรีไฟแนนซ์หนี้

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้น 7 จุดเป็น 4.025% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะ 4.17% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวสะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ท่ามกลางการสนับสนุนแนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นจากเจ้าหน้าที่เฟด โดยนายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส แนะนำถึงแนวทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในไตรมาสต่อๆ ไป ขณะที่นักวิเคราะห์กังวลว่าอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งสัญญาณถึงเศรษฐกิจที่อาจเติบโตเร็วเกินไป และอาจทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้าออกไป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจไปที่ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น ท่ามกลางการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูง พบผลประกอบการ 83.1% ของบริษัทที่รายงาน ณ ปัจจุบันเกินความคาดหมาย ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดผันผวนมากขึ้น โดยผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงโอกาสของโดนัลด์ ทรัมป์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน คาดว่าจะมีรายงานสำคัญเกี่ยวกับภาคที่อยู่อาศัย สินค้าคงทน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสัปดาห์นี้ พร้อมกับข้อมูลอัปเดตจากธนาคารกลางสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ผู้นำการเงินระดับโลกจะมารวมตัวกันที่วอชิงตันเพื่อประชุม IMF และธนาคารโลกเพื่อหารือเกี่ยวกับระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำ BRICS ในการประชุมสุดยอด โดยนักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank เน้นย้ำถึงความระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นล่าสุดของดัชนี S&P 500 โดยระบุว่า แม้ว่าผลการดำเนินงานของตลาดจะแข็งแกร่ง แต่การเพิ่มขึ้นในอนาคตอาจเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5846.2, 5846.9, 5848.2

แนวรับสำคัญ : 5843.6, 5842.9, 5841.6                     

30Min Outlook     

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5840.6 - 5843.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5843.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5846.2 และ SL ที่ประมาณ 5839.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5846.2 - 5849.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5852.0 และ SL ที่ประมาณ 5842.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5846.2 - 5849.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5846.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5842.9 และ SL ที่ประมาณ 5850.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5840.6 - 5843.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5839.0 และ SL ที่ประมาณ 5847.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 22, 2024 11:09AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5839.6 5841.6 5842.9 5844.9 5846.2 5848.2 5849.5
Fibonacci 5841.6 5842.9 5843.6 5844.9 5846.2 5846.9 5848.2
Camarilla 5843.2 5843.5 5843.8 5844.9 5844.4 5844.7 5845
Woodie's 5839.2 5841.4 5842.5 5844.7 5845.8 5848 5849.1
DeMark's - - 5842.2 5844.6 5845.5 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES