บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 29 ตุลาคม 2567

Create at 1 month ago (Oct 29, 2024 09:56)

หุ้นทั่วโลกพุ่งรับกำไรเทค-ลงทุน AI หนุนตลาด น้ำมันร่วงหลังอุปทานคลายกังวล

ดัชนีหุ้นทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่งของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ "Magnificent Seven" ซึ่งได้แก่ Alphabet, Meta, Apple, Amazon, Nvidia, Microsoft และ Tesla ซึ่งรวมกันแล้วมีอิทธิพลอย่างมากต่อผลงานของตลาด

ผลประกอบการดังกล่าวคาดว่าจะไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงผลงานรายไตรมาสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายจ่ายด้านทุนที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดการเติบโตในภาคส่วนนี้ ขณะที่ Nvidia แซง Apple ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพุ่งสูงขึ้นของมูลค่าตลาดที่ขับเคลื่อนโดย AI ท่ามกลางดัชนี Nasdaq Composite ที่ขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นเทคโนโลยี บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของภาคส่วนเทคโนโลยี แม้ว่าตลาดจะยังมีความไม่แน่นอน

ทางด้านเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังส่งผลต่อพลวัตของตลาดในวันจันทร์ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านก่อนหน้านี้ด้วยการโจมตีสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธใกล้กับเตหะราน แม้ว่าการโจมตีดังกล่าวจะหลีกเลี่ยงโรงกลั่นน้ำมันและสถานที่นิวเคลียร์ได้ โดยขอบเขตการโจมตีในวงจำกัดของอิสราเอลทำให้ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับอุปทานพลังงานลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลงประมาณ 6% ซึ่งการร่วงลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคพลังงานของ S&P 500 ซึ่งปิดตลาดลดลง 0.7% เนื่องจากความเสี่ยงด้านอุปทานที่ลดลง

นอกเหนือจากการพิจารณาทางการเมืองและเศรษฐกิจในระยะสั้น การวิเคราะห์ล่าสุดของ Bank of America (BofA) ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตในระยะยาวที่จำกัดของ S&P 500 ในปัจจุบัน ซึ่งดัชนียังคงอยู่ในระดับสูง โดย BofA คาดการณ์การเติบโตต่อปีเพียง 1-2% ในทศวรรษหน้าตามตัวชี้วัดราคาต่อกำไรปกติ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 แบบถ่วงน้ำหนักเท่ากันซึ่งไม่รวมบริษัทขนาดใหญ่และมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า คาดว่าจะให้ผลตอบแทนราว 4–5% ต่อปี นอกจากนี้ เงินปันผลซึ่งในอดีตถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลตอบแทนรวม อาจกลับมาเป็นปัจจัยสำคัญอีกครั้ง หากผลตอบแทนจากเงินปันผลกลับสู่ค่าเฉลี่ยในระยะยาว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ตลาดยังเตรียมรับมือกับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค หรือมาตรวัดเงินเฟ้อสำคัญของเฟด ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้ ควบคู่ไปกับข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาสที่ 3 และรายงานตลาดแรงงานในเดือนตุลาคม โดยตัวบ่งชี้เหล่านี้อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เฟดยังคงประเมินพลวัตของเงินเฟ้อก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญบางคนที่แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากเฟดจะใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามาในวันที่ พฤศจิกายนจะเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง โดยการสำรวจความคิดเห็นการเลือกตั้งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูสีระหว่างกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยการเปลี่ยนแปลงล่าสุดบ่งชี้ว่าทรัมป์อาจได้เปรียบเล็กน้อย ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองดังกล่าวทำให้ตลาดระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนพิจารณาการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ เดือน เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือก่อนการเลือกตั้ง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 42386.0, 42392.9, 42404.0

แนวรับสำคัญ : 42363.8, 42356.9, 42345.8                  

1H Outlook    

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มา: TradingView                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 42338.8 - 42363.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 42363.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42388.9 และ SL ที่ประมาณ 42326.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 42386.0 - 42411.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42447.0 และ SL ที่ประมาณ 42351.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42386.0 - 42411.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 42386.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42359.8 และ SL ที่ประมาณ 42423.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 42338.8 - 42363.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42302.0 และ SL ที่ประมาณ 42398.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Oct 29, 2024 09:36AM GMT+7 

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 42330.7 42345.8 42359.8 42374.9 42388.9 42404 42418
Fibonacci 42345.8 42356.9 42363.8 42374.9 42386 42392.9 42404
Camarilla 42365.9 42368.6 42371.2 42374.9 42376.6 42379.2 42381.9
Woodie's 42330.3 42345.6 42359.4 42374.7 42388.5 42403.8 42417.6
DeMark's - - 42352.9 42371.4 42382 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES