จีนอาจกำลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจนมาอยู่ที่ประมาณ 7.09 หยวนต่อดอลลาร์ ในขณะที่นักลงทุนกำลังรอความคืบหน้าจากทางรัฐบาลจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะมีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสื่อระบุว่า จีนอาจกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท่ามกลางความท้าทายได้เงินเฟ้อและการคว่ำบาตรที่กำลังเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตามองการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของอดีตประธานาธิบดี  Donald Trump  อาจส่งผลให้การจัดเก็บภาษีที่สูงขึ้นและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนที่เพิ่มมาก

การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโต 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในเดือนกันยายน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.6% นับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการเติบโตของผลผลิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคการผลิตที่มีการเติบโตถึง 5.2% จาก 4.3% ในเดือนสิงหาคม ในขณะเดียวกัน ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ, เรือและการบินยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 13.7%

เศรษฐกิจจีนเติบโต 0.9% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาสที่ 2 นับว่าเป็นการเติบโต 9 ไตรมาสติดต่อกัน โดยส่วนใหญ่ยังคงได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้เกิดการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด และภาวะถดถอยของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อีกด้วย

ในด้านการเงิน ธนาคารประชาชนจีนได้เปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราจำนองอย่างมีนัยสำคัญ โดยการกระตุ้นของธนาคารกลางยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในประเทศด้วย ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้ธนาคารต่างๆปล่อยสินเชื่อรายบุคคลและธุรกิจอื่นๆ มากยิ่งขึ้น สำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีเสถียรภาพและยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ถึงอย่างนั้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง 

PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 50.3 ในเดือนตุลาคม จาก 49.3 ในเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 49.7 แล้วแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของกิจกรรมโรงงานเป็นครั้งแรกหลังจะมีมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือนกันยายน ส่งผลให้ผลผลิตที่สามารถทำได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ คำสั่งซื้อใหม่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกยังคงแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวลงแม้ว่าจะลดลงในอัตราที่ช้าลงแล้วก็ตาม ในด้านการจ้างงานพบว่าการจ้างงานหดตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากต้นทุนปัจจัยการผลิตที่เพิ่มมาก รวมไปถึงการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องลดต้นทุนทางด้านแรงงานลง