บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567

Create at 22 hours ago (Nov 06, 2024 11:09)

ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยมกราคมนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ

อดีตสมาชิกคณะกรรมการบริหาร BOJ มาโกโตะ ซากุไร คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วที่สุดในเดือนมกราคม โดยช่วงเวลาดังกล่าวอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางการเมืองและตลาด ซากุไรคาดว่า BOJ จะค่อยๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก 0.25% ในปัจจุบัน และตั้งเป้าไว้ที่ 1.5% ถึง 2% จนถึงกำหนดครบวาระของผู้ว่าการ คาซูโอะ อุเอดะ ในเดือนเมษายน 2028 แม้ว่าค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วอาจกระตุ้นให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในเดือนธันวาคม แต่ BOJ ยังคงแนวโน้มที่จะประเมินข้อมูลค่าจ้างและการบริโภคก่อนดำเนินการ

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในญี่ปุ่น รวมถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลที่เพิ่งสูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภา ทำให้แนวทางของ BOJ มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ทาคาฮิเดะ คิอุจิ อดีตสมาชิกคณะกรรมการ BOJ แนะนำว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงต้นปีหน้า เว้นแต่จะมีแรงกดดันด้านสกุลเงินที่รุนแรง

ทางด้านนายยูอิจิโร ทามากิ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (DPP) เรียกร้องให้ BOJ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าการเติบโตของค่าจ้างที่ยั่งยืนจะแซงหน้าอัตราเงินเฟ้อ โดยเน้นย้ำให้ติดตามการเจรจาค่าจ้างในปีหน้าและสนับสนุนนโยบายการเงินที่มั่นคงเพื่อป้องกันการสั่นคลอนของเงินเยน ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของ IMF ที่ให้ญี่ปุ่นจำกัดหนี้ใหม่และจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายภายในงบประมาณ ท่ามกลาง BOJ ที่กำลังเคลื่อนตัวไปสู่การปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นปกติ โดยในบันทึกการประชุมของ BOJ ในเดือนกันยายนบ่งชี้ถึงฉันทามติเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยมุ่งเป้าไปที่ความเสี่ยงระดับโลก

ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงและการขาดแคลนแรงงาน รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะได้เสนอให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 42% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ขณะที่ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก จะต่อต้านการผลักดันดังกล่าว โดยรัฐบาลได้เสนอมาตรการทางการเงินที่สำคัญเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น

ทางด้านรัฐบาลได้ปรับลดคาดการณ์ GDP สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันลงเหลือ 0.7% จาก 0.9% เมื่อไม่นานนี้ โดยอ้างถึงการส่งออกที่อ่อนแอและการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา โดยคาดการณ์การเติบโตในปีงบประมาณหน้าไว้ที่ 1.2% ซึ่งปัจจัยกดดัน ได้แก่ ราคาที่สูงขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของครัวเรือน และการลดรายจ่ายด้านทุน โดยเฉพาะในภาคการผลิต ขณะที่แรงกดดันภายนอก เช่น อุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงและภัยธรรมชาติ ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงเช่นกัน

ทั้งนี้ ภาคบริการและการผลิตแสดงสัญญาณการหดตัวในเดือนตุลาคม โดยดัชนี PMI ภาคบริการลดลงเหลือ 49.7 ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการขาดแคลนแรงงานที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในทำนองเดียวกัน PMI ด้านการผลิตยังคงอยู่ในกรอบหดตัว จากอุปสงค์ในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา ต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่การปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่ลดลงของรัฐบาล เน้นย้ำถึงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในวันพุธ เนื่องจากผลการสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่สูสีชี้ให้เห็นว่าโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำ นักวิเคราะห์เชื่อว่านโยบายเกี่ยวกับการค้าและการย้ายถิ่นฐานของทรัมป์อาจผลักดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและหนุนค่าเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ข้อมูลภาคบริการของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร บ่งชี้ถึงการเร่งตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนตุลาคม โดยดัชนี PMI นอกภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นแตะ 56.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ส่งสัญญาณถึงเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งขึ้นก่อนการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ในวันเลือกตั้ง ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงแรกเนื่องจากชาวอเมริกันออกไปลงคะแนนเสียง โดยผลลัพธ์ของตลาดน่าจะส่งผลต่อทิศทางระยะสั้นของค่าเงิน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่านโยบายของทรัมป์ เช่น การลดภาษี การยกเลิกกฎระเบียบ และภาษีศุลกากร จะช่วยกระตุ้นการเติบโต เพิ่มผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว และหนุนค่าเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของพรรคเดโมแครตอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์ลดลงเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีและกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1HCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 154.15, 154.43, 154.90

แนวรับสำคัญ : 153.21, 152.93, 152.46                       

1H Outlook  

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView                                                

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 152.71 – 153.21 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 153.21 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 154.48 และ SL ที่ประมาณ 152.46 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 154.15 – 154.65 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 155.70 และ SL ที่ประมาณ 152.96 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 154.15 – 154.65 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 154.15 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 153.21 และ SL ที่ประมาณ 154.90 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 152.71 – 153.21 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 152.04 และ SL ที่ประมาณ 154.40 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Nov 6, 2024 10:34AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 152.04 152.46 153.26 153.68 154.48 154.9 155.7
Fibonacci 152.46 152.93 153.21 153.68 154.15 154.43 154.9
Camarilla 153.73 153.84 153.95 153.68 154.18 154.29 154.4
Woodie's 152.24 152.56 153.46 153.78 154.68 155 155.9
DeMark's - - 153.47 153.79 154.69 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES