ธนาคารจากออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเกือบ 1.5% ในวันนี้ ใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตั้งแต่ช่วงต้นการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่คาด การเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เน้นส่งออก อย่างไรก็ตาม การคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียยังไม่มีแรงสนับสนุนมากพอที่จะช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียกลับมาแข็งค่าขึ้นในเร็วๆ นี้

Composite PMI  ของออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 50.2 ในเดือนตุลาคม จาก 49.6 ในเดือนก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่ากิจกรรมในภาคการผลิตและภาคบริการของเอกชนในออสเตรเลียเริ่มขยายตัวมากขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นการเติบโตดังกล่าวก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของกิจกรรมบริการที่เกือบจะชดเชยกับการลดลงอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมในภาคการผลิต ความแตกต่างของ 2 ภาคส่วนนี้ยัง คงเกิดจากคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ในขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนได้ชะลอตัวลงเล็กน้อยทั้ง 2 ภาคส่วน แต่บริษัทต่างๆ ก็เลือกที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อผลผลิตโดยรวมพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.35% ในการประชุมครั้งล่าสุด นับว่าเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน และตรงกับการคาดการณ์ของตลาด โดยธนาคารกลางมีการระบุไว้ว่าแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างมีนัยยสำคัญ แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ทางธนาคารกลางจำเป็นต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากขึ้น และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้นโยบายทางการเงินแบบใดในอนาคต นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่านโยบายการเงินในปัจจุบันจำเป็นต้องเข้มงวดเพียงพอเพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับไปสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอย่างยั่งยืน ในส่วนของการบริโภคในภาคครัวเรือน ถ้าธนาคารกลางได้เห็นสัญญาณของการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในไตรมาสที่ 3  แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อให้กลับมาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดได้ 

อัตราเงินเฟ้อรายปีของออสเตรเลียลดลงเหลือ 2.8% ในไตรมาสที่ 3 จาก 3.8% ในไตรมาสที่ 2 โดยอัตราเงินเฟ้อได้มีการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงกดดันมาจากราคาไฟฟ้าและเชื้อเพลิงที่ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยทางรัฐบาลได้มีการออกนโยบายที่ช่วยสนับสนุนและช่วยเหลือราคาพลังงานซึ่งจะเป็นผลดีในหลายภาคส่วน ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของภาคบริการยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.6%  โดยเฉพาะราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสำหรับอาหารยังคงทรงตัวอยู่ที่ 3.3% 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 4.68% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น หลังจากการเลือกตั้งคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะในการเลือกตั้ง ทางด้านนักลงทุนมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps  และอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ทางด้านออสเตรเลีย ตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย ในขณะที่ภาคการผลิตยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ยังคงสร้างแรงกดดันไม่มากพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่ความหมายของธนาคารกลางได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 1.5066, 1.5123, 1.5153

แนวรับสำคัญ: 1.4978, 1.4949, 1.4891

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4949 - 1.4978 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4978 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.5123 และ SL ที่ประมาณ 1.4891 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 7 พฤศจิกายน  2567 21:24 น. GMT+7