เศรษฐกิจของแคนาดายังสามารถเติบโตได้ในระยะยาว

ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาด เนื่องจากมีการขึ้นภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและนโยบายการคลังแบบขยายตัวที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ให้ไว้ในช่วงการหาเสียง ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของ ทรัมป์ โดยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงสำหรับสินค้าส่งออกของแคนาดาด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานของแคนาดาแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น

ดัชนีชี้วัดธุรกิจของแคนาดา ซึ่งเป็นดัชนีระยะยาวที่สะท้อนถึงการคาดการณ์ผลการดำเนินงานทางธุรกิจในประเทศอีก 12 เดือนข้างหน้า ขยับเพิ่มขึ้นแตะ 55.8 ในเดือนตุลาคม โดยมีข้อมูลพบว่าความเชื่อมั่นในแต่ละภาคส่วนแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะภาคก่อสร้างและภาคการผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ภาคเกษตรกรรม, ภาคค้าปลีก และภาคการบริการกลับมาชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด โดยมีผลสำรวจออกมาว่าผู้ประกอบการกว่า 10% กำลังมองหาการลดจำนวนพนักงาน

GDP ของแคนาดามีแนวโน้มเติบโต 0.3% ในเดือนกันยายน ส่วนใหญ่ถูกสนับสนุนจากภสคการเงิน, การก่อสร้าง และค้าปลีก อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือนสิงหาคมยังคงทรงตัว สอดคล้องกับการประมาณการเบื้องต้นและการคาดการณ์ของตลาด โดยรวมแล้ว ภาคส่วนทั้ง 12 จาก 20 ภาคส่วนขยายตัวในเดือนสิงหาคม

PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 51.1 ในเดือนตุลาคม จาก 50.4 ในเดือนก่อนหน้า นับว่าเป็นการขยายตัวติดต่อกันครั้งที่ 2 ของกิจกรรมโรงงานในแคนาดา หลังจากหดตัวติดต่อกัน 17 เดือน โดยผลผลิตที่สามารถทำได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกใน 1 ปี ถึงอย่างนั้น คำสั่งซื้อใหม่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเกิดขึ้นจากตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ระดับการจ้างงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตก่อนปีหน้า โดยบริษัทต่างๆ ยังคงแสดงความมั่นใจในแนวโน้มทางธุรกิจ แม้ว่าหลายบริษัทจะยังคงมีความกังวลสำหรับแนมโน้มเศรษฐกิจในอนาคต

แคนาดารายงานการขาดดุลการค้า 1.26 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนกันยายน ลดลงเล็กน้อยจาก 1.5 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนก่อนหน้า แต่มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขาดดุล 0.8 พันล้านดอลลาร์แคนาดา นับว่าเป็นการขาดดุลการค้าเดือนที่ 7 ติดต่อกัน โดยการนำเข้าลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้า โดยลดลงเหลือ 65,200 ล้านดอลลาร์แคนาดา เนื่องจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 13.6% ในขณะที่การนำเข้าโลหะและแร่ที่ไม่ใช่โลหะลดลงมากกว่า 12.7% โดยที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 60% ของการนำเข้าทั้งหมดของแคนาดา เพิ่มขึ้น 0.8% ในขณะที่ การนำเข้าลดลงจากสวิตเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์ ด้านการส่งออกของแคนาดาลดลงเล็กน้อยที่ 0.1% เหลือ 63,880 ล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนกันยายน จาก 63,960 ล้านดอลลาร์แคนาดา โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์พลังงานลดลง 2.6% และการส่งออกผลิตภัณฑ์โลหะและที่ไม่ใช่โลหะลดลง 5.4% ในขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การประมง และอาหารกึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย