ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด

เงินเยนของญี่ปุ่นทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 154 เยนต่อดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลว่าทางการของญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอีกครั้ง นายอัตสึชิ มิมูระ ผู้แทนระดับสูงด้านสกุลเงินของญี่ปุ่น ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยว่าหากค่าเงินเยนมีความผันผวนมากเกินไปอาจจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการที่เหมาะสมด้วย ด้านข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศพบว่าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตอันใกล้ 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของตลาด โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธนาคาร คาซูโอะ อุเอดะ ได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนมากขึ้น โดยระบุว่าธนาคารกลางจำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายของ BoJ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากข้อมูลเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะสูงถึง 2.5% ในปี 2024 โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ประมาณ 1.9% ทั้งในปี 2025 และ 2026 ในส่วนของ GDP ธนาคารกลางคาดการณ์การเติบโตในปี 2024 ไว้ที่ 0.6%  และ 1.1% ในปี 2025

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของโตเกียวในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนตุลาคม นับว่าเป็นการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยตัวเลขเงินเฟ้อนี้ถือว่าเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วประเทศ โดยนักลงทุนมีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในญี่ปุ่นและความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ชัดเจน โดยทาง เซอิจิ อาดาจิ สมาชิกคณะกรรมการ BoJ ยังเน้นย้ำว่าธนาคารกลางยังคงจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อาจไม่ใช่เร็วๆนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและการเติบโตของค่าจ้างภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ในการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต 

อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นลดลงเล็กน้อยจนมาอยู่ที่ 2.4% ในเดือนกันยายน โดยการสำรวจพบว่าจำนวนผู้ว่างงานลดลง 40,000 คน เหลือ 1.68 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน ในขณะที่ การจ้างงานมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าการจ้างงานลดลงมากกว่า 90,000 คน เหลือ 67.82 ล้านคน ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนระหว่างตำแหน่งงานต่อผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 1.24 แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งงานที่ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 49.2 ในเดือนตุลาคม ถือเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่กิจกรรมภาคการผลิตหดตัว และนับว่าเป็นการหดตัวอย่างรวดเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยคำสั่งซื้อใหม่ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน ในขณะเดียวกันที่คำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกลดลงมากที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง ในขณะที่การจ้างงานยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากนักโดยอัตราเงินเฟ้อราคาผลผลิตได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงมีแนวโน้มที่เป็นบวก แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปัจจุบัน