เศรษฐกิจของจีนเริ่มมีสัญญาณการเติบโต
ค่าเงินหยวนทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 7.24 หยวนต่อดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารประชาชนจีนเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากค่าเงินฝืดและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจทำให้ธนาคารประชาชนจีนเริ่มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น
การตัดสินใจเหล่านี้เน้นย้ำถึงการประเมินผลกระทบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางจีน ขณะที่จีนเพิ่มความพยายามในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2024 ที่ประมาณ 5% แม้จะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ความสนใจได้หันไปที่การประชุมสุดยอดด้านการลงทุนที่ฮ่องกง ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปตลาดทุนและขยายการเข้าถึงภาคการเงินสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่ชะลอตัวลงในเดือนกันยายนที่ 5.4% โดยการเติบโตของภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากภาคส่วนคอมพิวเตอร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด นอกจากนี้ ภาคส่วนการถลุงโลหะยังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางภาคส่วนหดตัวลงเล็กน้อยเช่น การผลิตแร่ที่ไม่ใช่โลหะ
ยอดขายปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนตุลาคม ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 3.2% ในเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่คาดการณ์ของตลาดที่ 3.8% โดยได้รับแรงหนุนจากวันหยุดยาวกว่า 1 สัปดาห์ และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล โดยเป็นการกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการซื้อสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นและมีการแจกโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้สินค้าส่วนใหญ่มียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์กีฬาและเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 20.5% นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางยังมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลง 29.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหลือ 693,210 ล้านหยวน (ประมาณ 96,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลดลง 30.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยมีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ พบว่าเงินทุนประมาณ 11.6% ซึ่งมีมูลค่ากว่า 80,180 ล้านหยวนลงทุนในภาคการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนใน Semi conductor และ Data Center เพื่อรองรับกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นจากต่างประเทศและการใช้งานในอนาคต โดยประเทศหลักของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ได้แก่ เยอรมนี, ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ แต่หากพิจารณาเฉพาะเดือนตุลาคม มีเงินไหลเข้าประเทศเพียง 52,610 ล้านหยวน ลดลงจาก 60,410 ล้านหยวนในเดือนกันยายน
ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ได้ตัดสินใจโครงหลังคาดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมในการประชุมเดือนพฤศจิกายน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ชั้นดีระยะเวลา 1 ปี (LPR) ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อเพื่อธุรกิจและครัวเรือนส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ที่ 3.1% ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 5 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังคงอยู่ที่ 3.6% ทั้งสองอัตรานี้ยังคงอยู่ในจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและกรกฎาคม การตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้สะท้อนถึงการประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของธนาคารประชาชนจีนว่าอาจครอบคลุมและเพียงพอต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา รัฐบาลยังคงมีความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาวะชะลอตัวให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ประมาณ 5% ในปี 2024 แม้จะมีความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลานาน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจต่ำ และความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางจะออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากผู้ว่าการ Pan Gongsheng กล่าวว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราส่วนเงินสำรอง (RRR) ลงอีก 25 ถึง 50bps ภายในสิ้นปีนี้ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 7.2425, 7.2449, 7.248
แนวรับสำคัญ: 7.237, 7.2339, 7.2315
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 7.2339 - 7.237 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 7.237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2449 และ SL ที่ประมาณ 7.2315 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2425 - 7.2449 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.248 และ SL ที่ประมาณ 7.2339 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2425 - 7.2449 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 7.2425 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2339 และ SL ที่ประมาณ 7.248 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 7.2339 - 7.237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2315 และ SL ที่ประมาณ 7.2449 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 21 พฤศจิกายน 2567 21:36 น. GMT+7
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 7.2315 | 7.2339 | 7.237 | 7.2394 | 7.2425 | 7.2449 | 7.248 |
Fibonacci | 7.2339 | 7.236 | 7.2373 | 7.2394 | 7.2415 | 7.2428 | 7.2449 |
Camarilla | 7.2385 | 7.239 | 7.2395 | 7.2394 | 7.2405 | 7.241 | 7.2415 |
Woodie's | 7.2317 | 7.234 | 7.2372 | 7.2395 | 7.2427 | 7.245 | 7.2482 |
DeMark's | - | - | 7.2354 | 7.2386 | 7.2409 | - | - |