บทวิเคราะห์ USD/CNY 21 พฤศจิกายน 2567

Create at 5 hours ago (Nov 21, 2024 21:40)

เศรษฐกิจของจีนเริ่มมีสัญญาณการเติบโต

ค่าเงินหยวนทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 7.24 หยวนต่อดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารประชาชนจีนเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากค่าเงินฝืดและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจทำให้ธนาคารประชาชนจีนเริ่มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น 

การตัดสินใจเหล่านี้เน้นย้ำถึงการประเมินผลกระทบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางจีน ขณะที่จีนเพิ่มความพยายามในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2024 ที่ประมาณ 5% แม้จะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ความสนใจได้หันไปที่การประชุมสุดยอดด้านการลงทุนที่ฮ่องกง ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปตลาดทุนและขยายการเข้าถึงภาคการเงินสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่ชะลอตัวลงในเดือนกันยายนที่ 5.4% โดยการเติบโตของภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากภาคส่วนคอมพิวเตอร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด นอกจากนี้ ภาคส่วนการถลุงโลหะยังคงได้รับแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางภาคส่วนหดตัวลงเล็กน้อยเช่น การผลิตแร่ที่ไม่ใช่โลหะ 

ยอดขายปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนตุลาคม ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 3.2% ในเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่คาดการณ์ของตลาดที่ 3.8%  โดยได้รับแรงหนุนจากวันหยุดยาวกว่า 1 สัปดาห์ และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล โดยเป็นการกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการซื้อสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นและมีการแจกโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้สินค้าส่วนใหญ่มียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์กีฬาและเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 20.5%  นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางยังมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 40.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลง 29.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหลือ 693,210 ล้านหยวน (ประมาณ 96,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลดลง 30.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยมีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ พบว่าเงินทุนประมาณ 11.6% ซึ่งมีมูลค่ากว่า 80,180 ล้านหยวนลงทุนในภาคการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนใน Semi conductor และ Data Center  เพื่อรองรับกับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้นจากต่างประเทศและการใช้งานในอนาคต โดยประเทศหลักของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ได้แก่ เยอรมนี, ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ แต่หากพิจารณาเฉพาะเดือนตุลาคม มีเงินไหลเข้าประเทศเพียง 52,610 ล้านหยวน ลดลงจาก 60,410 ล้านหยวนในเดือนกันยายน

ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ได้ตัดสินใจโครงหลังคาดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมในการประชุมเดือนพฤศจิกายน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ชั้นดีระยะเวลา 1 ปี (LPR) ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อเพื่อธุรกิจและครัวเรือนส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ที่ 3.1% ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 5 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังคงอยู่ที่ 3.6% ทั้งสองอัตรานี้ยังคงอยู่ในจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและกรกฎาคม การตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้สะท้อนถึงการประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของธนาคารประชาชนจีนว่าอาจครอบคลุมและเพียงพอต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา รัฐบาลยังคงมีความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาวะชะลอตัวให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ประมาณ 5% ในปี 2024 แม้จะมีความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลานาน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจต่ำ และความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางจะออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากผู้ว่าการ Pan Gongsheng กล่าวว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราส่วนเงินสำรอง (RRR) ลงอีก 25 ถึง 50bps ภายในสิ้นปีนี้ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 7.2425, 7.2449, 7.248

แนวรับสำคัญ: 7.237, 7.2339, 7.2315

บทวิเคราะห์ USD/CNY วันนี้

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 7.2339 - 7.237 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 7.237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2449 และ SL ที่ประมาณ 7.2315 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2425 - 7.2449 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.248 และ SL ที่ประมาณ 7.2339 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2425 - 7.2449 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 7.2425 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2339 และ SL ที่ประมาณ 7.248 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 7.2339 - 7.237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2315 และ SL ที่ประมาณ 7.2449 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 21 พฤศจิกายน 2567 21:36 น. GMT+7


ชื่อ
S3
S2
S1
จุดกลับตัว
R1
R2
R3
Classic 7.2315 7.2339 7.237 7.2394 7.2425 7.2449 7.248
Fibonacci 7.2339 7.236 7.2373 7.2394 7.2415 7.2428 7.2449
Camarilla 7.2385 7.239 7.2395 7.2394 7.2405 7.241 7.2415
Woodie's 7.2317 7.234 7.2372 7.2395 7.2427 7.245 7.2482
DeMark's - - 7.2354 7.2386 7.2409 - -
______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES