เศรษฐกิจในยูโรโซนแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการหดตัวลงอย่างชัดเจน

ยูโรอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว หลังมีการเปิดเผยข้อมูล PMI ที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างต่อเนื่องของกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซน โดย Composite PMI ลดลงมาเหลือเพียง 48.1 ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากภาคบริการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิต โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ECB ได้มีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลก ซึ่งรวมไปถึงกำแพงภาษีที่อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหลังจากการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของ ดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้การค้าขายระหว่างประเทศมีความยุ่งยากมากขึ้น นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลประเภทใหม่ไปที่เป้าหมายในยูเครนเมื่อไม่นานนี้ 

PMI ภาคบริการของยูโรโซนลดลงเหลือ 49.2 ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนตุลาคมและการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 51.6 ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการหดตัวครั้งแรกหลังจากเติบโตอย่างต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน โดยกิจกรรมทางธุรกิจลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม ในขณะเดียวกัน คำสั่งซื้อใหม่และคำสั่งซื้อส่งออกลดลงในอัตราอย่างรวดเร็ว โดยพบว่าต้นทุนด้านราคาปัจจัยการผลิตพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้าน PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงเหลือ 45.2 จาก 46 ในเดือนตุลาคม และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 46 แสดงให้เห็นถึงการหดตัวอย่างรุนแรงอีกครั้งของกิจกรรมในภาคการผลิต โดยผลผลิตที่สามารถทำได้ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ในด้านการจ้างงานพบว่าจำนวนแรงงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด และลดลงในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังลดกิจกรรมการซื้อของตนลง ซึ่งรวมไปถึงการสต็อกสินค้าสำเร็จรูปและสินค้าที่ใช้สำหรับการผลิต แม้ว่าต้นทุนการผลิตบางส่วนจะลดลงบ้างก็ตาม

การเติบโตของค่าจ้างพุ่งสูงถึง 5.42% ในไตรมาส 3 ของปี 2024 โดยการพเิ่มขึ้นในครั้งนี้ขับเคลื่อนโดยเยอรมนีเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แผนของธนาคารกลางยุโรปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้น โดยเหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของ ECB ในปีนี้ โดยนักลงทุนมีความกังวลว่าการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้อาจทำให้ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ลดลง แม้ว่า ECB จะส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดเพิ่มเติมหากพบว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอลงต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่บางคนก็เตือนว่าไม่ควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแรงกดดันด้านค่าจ้างยังคงทรงตัว แต่การปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงของเยอรมนี ในไตรมาส 3 อาจทำให้ขอบเขตการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปลดลง

ธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะเติบโต 0.8% ในปีนี้ ซึ่งเท่ากับที่คาดการณ์ไว้เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา โดยนายเปาโล เจนติโลนี กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป กล่าวว่า "เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงและการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ การเติบโตจึงมีแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีก 2 ปีข้างหน้า" โดยมีการคาดการณ์การเติบโตในปี  2025 ไว้ว่าจะเติบโตลดลงจากใน 1.4% เป็น 1.3%

ดุลการค้าของเขตยูโรได้มีการเกินทุนการค้าเพิ่มมากขึ้นเป็น 12,500 ล้านยูโรในเดือนกันยายน จาก 9,800 ล้านยูโรในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7,900 ล้านยูโร โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 237,800 ล้านยูโร ในขณะที่การนำเข้าลดลง 0.6% เป็น 225,300 ล้านยูโร นอกจากนี้ โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่มีการเติบโตมากกว่า 10% การส่งออกเพิ่มขึ้นไปยังสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักรและสวิตเซอร์แลนด์แต่ลดลงไปยังจีน