การเสนอชื่อเบสเซนต์เป็นรมว.คลังเสริมความเชื่อมั่น ท่ามกลางการชะลอตัวของเทคโนโลยี
แม้ตลาดหุ้นจะแสดงผลการดำเนินงานในเชิงบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนยังคงปรับเปลี่ยนการลงทุนไปที่หุ้นวัฏจักร (cyclical stocks) และลดการถือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ทำผลงานได้ดีกว่าดัชนีอื่น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 1% ท่ามกลางดัชนี S&P 500 และ NASDAQ ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดยังคงมุ่งเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ พร้อมกับฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง หลังการเสนอชื่อสกอตต์ เบสเซนท์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนมองว่าเบสเซนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียง อาจเป็นแรงสนับสนุนให้กับตลาดในวอชิงตัน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนให้ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น หลังการประกาศแต่งตั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าความกังวลในหุ้นเทคโนโลยีจะจำกัดการปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยังช่วยเสริมบรรยากาศของตลาด
ทั้งนี้ สกอตต์ เบสเซนท์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไป การปฏิรูปภาษี การลดกฎระเบียบ และการลดหนี้ จะให้ความสำคัญกับการลดภาษีและนโยบายการค้าในบทบาทของรัฐมนตรีคลัง โดยเบสเซนท์ ซึ่งเคยร่วมงานกับจอร์จ โซรอส และจิม ชาโนส มีแนวคิดในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ส่งผลให้การเสนอชื่อสร้างความมั่นใจให้ตลาด เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมีบทบาทสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจ กำกับดูแลการเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยภายหลังการเสนอชื่อ ค่าเงินดอลลาร์ลดลง 0.6% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง สะท้อนความผ่อนคลายของตลาด
ทางด้าน Phillip Securities ปรับลดคำแนะนำหุ้น Nvidia จาก "ซื้อ" เป็น "สะสม" โดยอ้างถึงความเคลื่อนไหวของราคา แม้จะเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเล็กน้อยเป็น 160 ดอลลาร์ หลังจาก Nvidia แสดงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2024 และมีแนวโน้มการขายศูนย์ข้อมูลในเชิงบวก ด้าน Apple ถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่แข็งแกร่ง โดยนักวิเคราะห์จาก Bernstein ตั้งเป้าหมายราคาสูงสุดที่ 290 ดอลลาร์ เนื่องจากระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์และศักยภาพการควบรวม AI ที่เพิ่มขึ้นนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า Apple จะมีการเติบโตจากการเร่งรอบการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่เริ่มในปี 2026
ด้านนักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ส่งผลบวกต่อ Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) โดยพบความต้องการในตลาด AI ที่เพิ่มขึ้น และความพยายามของบริษัทในการแก้ไขปัญหาคอขวดด้านการผลิต ขณะเดียวกัน หุ้นของ Super Micro Computer (SMCI) ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเกิดสถานการณ์ "short squeeze" เกิดขึ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคงได้ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับหุ้น Hewlett Packard Enterprise (HPE) เป็น "Strong Buy" โดยมองในแง่บวกต่อธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ AI ของบริษัท พร้อมคาดการณ์การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในยอดขาย AI จนถึงปี 2026
ทั้งนี้ “Trump trade” ยังคงมีอิทธิพลต่อกิจกรรมในตลาด โดยนักลงทุนที่เดิมพันกับเงินดอลลาร์และคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 50% ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ต่างทำกำไรไปได้มาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานสะอาดซึ่งเป็นจุดสนใจในนโยบายของทรัมป์ กลับมีผลประกอบการต่ำกว่าเกณฑ์ โดย ETF พลังงานสะอาดร่วงลงเกือบ 14% ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้ความสนใจในกลุ่ม Trump trade ลดลงในอนาคตอันใกล้
ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาดูตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และภาคการค้าปลีก ขณะที่ Black Friday เริ่มต้นฤดูกาลช้อปปิ้งปลายปี ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงการรับมือของผู้บริโภคกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สองรายเปิดเผยผลประกอบการที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Walmart ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรประจำปีเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ขณะที่หุ้นของ Target ร่วงลงอย่างมากหลังจากบริษัทคาดการณ์ยอดขายและกำไรในไตรมาสวันหยุดต่ำกว่าที่คาดไว้ ท่ามกลางผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ เช่น Best Buy, Macy's, Nordstrom และ Urban Outfitters ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการในเร็ว ๆ นี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 44521.5, 44542.9, 44577.7
แนวรับสำคัญ : 44451.9, 44430.5, 44395.7
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 44271.9 - 44451.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 44451.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44537.4 และ SL ที่ประมาณ 44181.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 44521.5 - 44701.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44755.0 และ SL ที่ประมาณ 44361.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 44521.5 - 44701.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 44521.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44446.4 และ SL ที่ประมาณ 44791.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 44271.9 - 44451.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44136.0 และ SL ที่ประมาณ 44611.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Nov 25, 2024 02:30PM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 44355.4 | 44395.7 | 44446.4 | 44486.7 | 44537.4 | 44577.7 | 44628.4 |
Fibonacci | 44395.7 | 44430.5 | 44451.9 | 44486.7 | 44521.5 | 44542.9 | 44577.7 |
Camarilla | 44472 | 44480.3 | 44488.7 | 44486.7 | 44505.3 | 44513.7 | 44522 |
Woodie's | 44360.4 | 44398.2 | 44451.4 | 44489.2 | 44542.4 | 44580.2 | 44633.4 |
DeMark's | - | - | 44466.5 | 44496.8 | 44557.5 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ