บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567

Create at 2 hours ago (Nov 25, 2024 14:56)

การเสนอชื่อเบสเซนต์เป็นรมว.คลังเสริมความเชื่อมั่น ท่ามกลางการชะลอตัวของเทคโนโลยี

แม้ตลาดหุ้นจะแสดงผลการดำเนินงานในเชิงบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนยังคงปรับเปลี่ยนการลงทุนไปที่หุ้นวัฏจักร (cyclical stocks) และลดการถือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ทำผลงานได้ดีกว่าดัชนีอื่น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 1% ท่ามกลางดัชนี S&P 500 และ NASDAQ ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดยังคงมุ่งเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ พร้อมกับฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง หลังการเสนอชื่อสกอตต์ เบสเซนท์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนมองว่าเบสเซนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียง อาจเป็นแรงสนับสนุนให้กับตลาดในวอชิงตัน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนให้ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น หลังการประกาศแต่งตั้งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าความกังวลในหุ้นเทคโนโลยีจะจำกัดการปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยังช่วยเสริมบรรยากาศของตลาด

ทั้งนี้ สกอตต์ เบสเซนท์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไป การปฏิรูปภาษี การลดกฎระเบียบ และการลดหนี้ จะให้ความสำคัญกับการลดภาษีและนโยบายการค้าในบทบาทของรัฐมนตรีคลัง โดยเบสเซนท์ ซึ่งเคยร่วมงานกับจอร์จ โซรอส และจิม ชาโนส มีแนวคิดในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ส่งผลให้การเสนอชื่อสร้างความมั่นใจให้ตลาด เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมีบทบาทสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจ กำกับดูแลการเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยภายหลังการเสนอชื่อ ค่าเงินดอลลาร์ลดลง 0.6% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง สะท้อนความผ่อนคลายของตลาด

ทางด้าน Phillip Securities ปรับลดคำแนะนำหุ้น Nvidia จาก "ซื้อ" เป็น "สะสม" โดยอ้างถึงความเคลื่อนไหวของราคา แม้จะเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเล็กน้อยเป็น 160 ดอลลาร์ หลังจาก Nvidia แสดงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2024 และมีแนวโน้มการขายศูนย์ข้อมูลในเชิงบวก ด้าน Apple ถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่แข็งแกร่ง โดยนักวิเคราะห์จาก Bernstein ตั้งเป้าหมายราคาสูงสุดที่ 290 ดอลลาร์ เนื่องจากระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์และศักยภาพการควบรวม AI ที่เพิ่มขึ้นนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า Apple จะมีการเติบโตจากการเร่งรอบการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่เริ่มในปี 2026

ด้านนักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ส่งผลบวกต่อ Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) โดยพบความต้องการในตลาด AI ที่เพิ่มขึ้น และความพยายามของบริษัทในการแก้ไขปัญหาคอขวดด้านการผลิต ขณะเดียวกัน หุ้นของ Super Micro Computer (SMCI) ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเกิดสถานการณ์ "short squeeze" เกิดขึ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคงได้ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับหุ้น Hewlett Packard Enterprise (HPE) เป็น "Strong Buy" โดยมองในแง่บวกต่อธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ AI ของบริษัท พร้อมคาดการณ์การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในยอดขาย AI จนถึงปี 2026

ทั้งนี้ “Trump trade” ยังคงมีอิทธิพลต่อกิจกรรมในตลาด โดยนักลงทุนที่เดิมพันกับเงินดอลลาร์และคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 50% ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ต่างทำกำไรไปได้มาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานสะอาดซึ่งเป็นจุดสนใจในนโยบายของทรัมป์ กลับมีผลประกอบการต่ำกว่าเกณฑ์ โดย ETF พลังงานสะอาดร่วงลงเกือบ 14% ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้ความสนใจในกลุ่ม Trump trade ลดลงในอนาคตอันใกล้

ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาดูตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และภาคการค้าปลีก ขณะที่ Black Friday เริ่มต้นฤดูกาลช้อปปิ้งปลายปี ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงการรับมือของผู้บริโภคกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สองรายเปิดเผยผลประกอบการที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Walmart ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรประจำปีเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ขณะที่หุ้นของ Target ร่วงลงอย่างมากหลังจากบริษัทคาดการณ์ยอดขายและกำไรในไตรมาสวันหยุดต่ำกว่าที่คาดไว้ ท่ามกลางผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ เช่น Best Buy, Macy's, Nordstrom และ Urban Outfitters ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการในเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 44521.5, 44542.9, 44577.7

แนวรับสำคัญ : 44451.9, 44430.5, 44395.7              

1D Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                                    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 44271.9 - 44451.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 44451.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44537.4 และ SL ที่ประมาณ 44181.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 44521.5 - 44701.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44755.0 และ SL ที่ประมาณ 44361.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 44521.5 - 44701.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 44521.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44446.4 และ SL ที่ประมาณ 44791.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 44271.9 - 44451.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44136.0 และ SL ที่ประมาณ 44611.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Nov 25, 2024 02:30PM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 44355.4 44395.7 44446.4 44486.7 44537.4 44577.7 44628.4
Fibonacci 44395.7 44430.5 44451.9 44486.7 44521.5 44542.9 44577.7
Camarilla 44472 44480.3 44488.7 44486.7 44505.3 44513.7 44522
Woodie's 44360.4 44398.2 44451.4 44489.2 44542.4 44580.2 44633.4
DeMark's - - 44466.5 44496.8 44557.5 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES