ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ร่วง หลังความกังวลภาษีศุลกากรและข้อมูลเศรษฐกิจกระทบแนวโน้มตลาด
ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงเล็กน้อยในช่วงเย็นวันอาทิตย์ สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงเกี่ยวกับภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเข้าใกล้ทำสถิติสูงสุด นักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายนและความคิดเห็นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ หลังจากที่เฟดคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในเดือนธันวาคม โดยนักลงทุนหวังว่าข้อมูลจะให้ความกระจ่างเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางของธนาคารกลางในปี 2025 อย่างไรก็ตาม มุมมองระยะยาวยังคงคลุมเครือจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายการคุ้มครองทางการค้าของทรัมป์
ทั้งนี้ การดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทำสถิติสูงสุดใหม่ในดัชนี S&P 500 ดาวโจนส์ และ Nasdaq ได้รับแรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Nvidia และความหวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค เมื่อฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันหยุดเริ่มต้นขึ้น หุ้นค้าปลีกพบเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่น่าจับตา โดยคาดการณ์ว่าในวันแบล็กฟรายเดย์ ผู้บริโภคได้ใช้จ่ายออนไลน์ไปถึง 10.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจลดทอนอัตรากำไรในภาคค้าปลีก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการนำเข้า ขณะที่การจัดการสินค้าคงคลังและต้นทุนของผู้ค้าปลีกจะมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากภาษีศุลกากรที่กำลังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
ทางด้านหุ้นชิปซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ฟื้นตัวกลับมา ช่วยขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของตลาดโดยรวม ขณะที่หุ้นขนาดเล็กทำผลงานได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกเชิงบวกในตลาดหลังจากการเลือกตั้งของทรัมป์ ท่ามกลางคำเตือนของนักวิเคราะห์ถึงการทำผลงานที่ดีของหุ้นขนาดเล็กในช่วงนี้ที่อาจไม่ยั่งยืน ในขณะที่บางภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย โดยภาคส่วนอื่นๆ เช่น การใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยของผู้บริโภคกำลังเผชิญกับการเติบโตที่อ่อนแอลง ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความยั่งยืนของการดีดตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ขณะที่นักลงทุนหลายรายคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้น นโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะในเรื่องการค้า อาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงในปี 2025 ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะต้องจัดการกับความท้าทายดังกล่าวอย่างระมัดระวัง โดยบาลานซ์ระหว่างการกระตุ้นการเติบโตในระยะสั้นและการป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ท่ามกลางภาพรวมของเศรษฐกิจที่ยังคงไม่แน่นอน โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า การชะลอการกระตุ้นทางการคลังและทิศทางนโยบายของเฟดจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 6026.0, 6027.0, 6028.5
แนวรับสำคัญ : 6023.0, 6022.0, 6020.5
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6019.0 - 6023.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 6023.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6026.3 และ SL ที่ประมาณ 6017.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 6026.0 - 6030.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6034.0 และ SL ที่ประมาณ 6021.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6026.0 - 6030.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 6026.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6022.3 และ SL ที่ประมาณ 6032.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 6019.0 - 6023.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6016.0 และ SL ที่ประมาณ 6028.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Dec 2, 2024 12:51PM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 6018.3 | 6020.5 | 6022.3 | 6024.5 | 6026.3 | 6028.5 | 6030.3 |
Fibonacci | 6020.5 | 6022 | 6023 | 6024.5 | 6026 | 6027 | 6028.5 |
Camarilla | 6023 | 6023.4 | 6023.7 | 6024.5 | 6024.5 | 6024.8 | 6025.2 |
Woodie's | 6018.1 | 6020.4 | 6022.1 | 6024.4 | 6026.1 | 6028.4 | 6030.1 |
DeMark's | - | - | 6023.4 | 6025.1 | 6027.4 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ