บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 3 ธันวาคม 2567

Create at 1 day ago (Dec 03, 2024 10:25)

ยูโรอ่อนค่า-ดอลลาร์แข็ง จากปัญหาฝรั่งเศสและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นในวันจันทร์ ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางการเมืองในฝรั่งเศส ซึ่งพรรค National Rally (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดได้ส่งสัญญาณสนับสนุนการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลฝรั่งเศส เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการล่มสลายของรัฐบาลฝรั่งเศส และส่งผลให้ความพยายามในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศสล่าช้า รวมถึงผลักดันให้เบี้ยประกันความเสี่ยงของพันธบัตรฝรั่งเศสแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน ท่ามกลางข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ที่หนุนค่าเงินดอลลาร์ แม้ว่าคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ จะแสดงท่าทีว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนนี้

ในเขตยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 2.3% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเกินเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ 2% โดยได้รับแรงหนุนจากผลกระทบจากฐานทางสถิติและการเติบโตของราคาบริการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ที่ 2.7% ทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับระดับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ท่ามกลางการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจและครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้น บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนอาจสามารถ "ลงจอดได้อย่างนุ่มนวล" อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการผลิตยังคงหดตัวมากขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ลดต่ำลงเข้าสู่ภาวะหดตัว ท่ามกลางเยอรมนีและฝรั่งเศสรายที่งานถึงเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงอย่างมาก สะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยรวม

ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผชิญกับการรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนในขณะที่รับมือกับความท้าทายด้านนโยบายการเงินท่ามกลางภาวะเงินฝืด การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความเสี่ยงด้านการค้าภายนอก ผู้กำหนดนโยบายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้กลยุทธ์เชิงคาดการณ์ การปรับอัตราดอกเบี้ย และเครื่องมือทางนโยบายที่ปรับปรุงใหม่เพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน

ผู้กำหนดนโยบายของ ECB หลายคน รวมถึงฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กัลโฮ และโอลลี เรห์น เน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะมีขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3.25% คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 1.75% ภายในปี 2025 ท่ามกลางการถกเถียงของผู้กำหนดนโยบายถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบ "เป็นกลาง" ที่ 2-2.5% ซึ่งจะไม่กระตุ้นหรือจำกัดการเติบโต หรือลดต่ำลงไปกว่านี้หากสภาพเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ

ทางด้านความไม่แน่นอนของการค้าโลก โดยเฉพาะภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารชุดใหม่ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตของยุโรป โดยผู้กำหนดนโยบายเตือนว่ามาตรการตอบโต้อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้การฟื้นตัวของยูโรโซนซบเซาลง

ทั้งนี้ แนวโน้มยูโรโซนปี 2025 คาดการณ์การเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 0.9% โดยได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างที่แท้จริงที่เกิดจากภาวะเงินฝืด แต่ถูกขัดขวางโดยการลงทุนที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้า โดยอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.6% กระตุ้นให้เกิดการผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแนวโน้มนโยบายของประเทศที่แตกต่างกันที่สร้างความท้าทายมากขึ้น โดยนโยบายการคลังที่เข้มงวดของเยอรมนีและความไม่มั่นคงทางการเมืองของฝรั่งเศส ได้สวนทางกับผลงานที่แข็งแกร่งของสเปน

สำหรับเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงติดอยู่ในภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสังเกตได้จากการเติบโตที่หยุดชะงักและความท้าทายเชิงโครงสร้าง ตามที่โจอาคิม นาเกล ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าว โดยภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศอยู่ในภาวะถดถอย อุปสงค์ในการส่งออกอ่อนแอ และผู้บริโภคที่ใช้ความระมัดระวัง และเลือกที่จะออมมากกว่าใช้จ่าย โดยนาเกลเตือนถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง เช่น การเติบโตของค่าจ้างและนโยบายการค้า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงสูงกว่าที่คาดไว้ในบางภูมิภาค โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

ในทางตรงกันข้าม ฝรั่งเศสมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตของฝรั่งเศสยังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ โดยพบคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างรวดเร็วและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีอิทธิพลเหนือการเงินและการค้าโลก แม้จะมีสัญญาณของการประเมินค่าที่สูงเกินไปและความพยายามในการลดการใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ตามที่ UBS เตือน โดยมีการใช้ดอลลาร์ในการชำระเงินทั่วโลกกว่า 47% และ 88% ในการซื้อขายสกุลเงิน ซึ่งเน้นย้ำถึงสภาพคล่องที่ไม่มีใครเทียบได้ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับแรงหนุนบางส่วนจากจุดยืนทางนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงการเรียกร้องให้ประเทศ BRICS หลีกเลี่ยงการใช้สกุลเงินทางเลือก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากเครมลิน

ในขณะเดียวกัน ภาคการผลิตของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในระดับปานกลางในเดือนพฤศจิกายน โดยคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ท่ามกลางราคาปัจจัยการผลิตที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และดัชนี PMI ภาคการผลิตของสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 48.4 จาก 46.5 ในเดือนตุลาคม โดยแม้จะมีความคืบหน้าดังกล่าว แต่ความท้าทายยังคงอยู่ โดยการผลิตชะลอตัวและอุปสงค์ที่อ่อนแอยังคงเป็นอุปสรรคต่อปริมาณงานค้าง

ในด้านนโยบายการเงิน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มปรับลดเพิ่มเติม แต่ท่าทีที่เข้มงวดในปัจจุบันทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากจำเป็น ส่งผลให้ตลาดตอบสนองต่อคำกล่าวโดยเพิ่มความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในเดือนธันวาคมเป็น 79% ขณะที่รายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0495, 1.0498, 1.0503

แนวรับสำคัญ : 1.0485, 1.0482, 1.0477                                          

1H Outlook    

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0475 - 1.0485 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0485 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0496 และ SL ที่ประมาณ 1.0470 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0495 - 1.0505 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0514 และ SL ที่ประมาณ 1.0480 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0495 - 1.0505 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0495 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0483 และ SL ที่ประมาณ 1.0510 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0475 - 1.0485 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0462 และ SL ที่ประมาณ 1.0500 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 3, 2024 09:40AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.0469 1.0477 1.0483 1.049 1.0496 1.0503 1.0509
Fibonacci 1.0477 1.0482 1.0485 1.049 1.0495 1.0498 1.0503
Camarilla 1.0484 1.0485 1.0486 1.049 1.0489 1.049 1.0491
Woodie's 1.0467 1.0476 1.0481 1.0489 1.0494 1.0502 1.0507
DeMark's - - 1.0479 1.0488 1.0492 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES