เศรษฐกิจจีนจำเป็นต้องได้รับนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ค่าเงินหยวนของจีนยังคงทรงตัวที่ประมาณ 7.26 หยวนต่อดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางรัฐบาลของจีน ซึ่งอาจมีการพูดคุยถึงมาตรการดังกล่าวในระหว่างการประชุมทางการเมืองที่สำคัญในช่วงกลางเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ค่าเงินหยวนยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ก่อนที่จะมีรายงานการจ้างงาน ซึ่งอาจเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการพิจารณาทิศทางของการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ด้วยเช่นกัน

ด้านนักลงทุนเองต่างคาดหวังว่าทางรัฐบาลจีนจะมีมาตราการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากที่เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวในหชายภาคส่วน นอกจากนี้ การกีดกันทางการค้าที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น ยิ่งกดันให้ธนาคารประชาชนจีนจำเป็นต้องผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น

PMI ภาคบริการของจีนลดลงเหลือ 51.5 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 52.0 ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 52.5 ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของการเติบโตสำหรับธุรกิจเกิดใหม่และยอดขายจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน การจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แม้จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม ในด้านต้นทุนวัตถุดิบพบว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 53 เดือน นอกจากนี้ ราคาสินค้ายังลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบปี จากสภาพเศรษฐกิจที่ปรับปรุงดีขึ้นและนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลที่อาจกระตุ้นยอดขายได้ แม้ว่าจะมีความกังวลในบางภาคส่วน รวมไปถึงความสามารถในการส่งออกในอนาคตก็ตาม

ด้าน PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 51.5 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 50.3 ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 50.5 และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ยังเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดของกิจกรรมภาคโรงงานนับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยการขยายตัวนี้ได้รับแรงสนับสนุนมาจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมไปถึงปริมาณคำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ผลผลิตที่สามารถทำได้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับการซื้อวัตถุดิบและสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทต่างๆ  จำเป็นต้องสต็อกสินค้าเพื่อให้รองรับต่อคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้นจากอุปสงค์ที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล

กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมของจีนลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 5,868,040 ล้านหยวนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 3.5% การลดลงนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอีกครั้ง โดยสาเหตุหลักเกิดจากอุปสงค์ที่ยังไม่แน่นอน แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในภาคการผลิตก็ตาม นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ ยังคงเป็นตัวกดดันที่ทำให้ความสามารถในการใช้จ่ายของบริษัทต่างๆ ยังติดขัด โดยดูได้จากกำไรของบริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของลดลงอีก 8.2% หลังจากที่ลดลง 6.5% ตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ตาม บริษัทที่เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และการสื่อสารยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ประมาณ 1.95% เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารการจีนจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ด้านนักลงทุนเองก็กำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศที่จะมีการประกาศในเร็วๆนี้อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการประกาศอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า