ธนาคารกลางยุโรปอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 bps

ค่าเงินยูโรทรงตัวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีความวุ่นวายทางการเมืองในฝรั่งเศสและการตัดสินใจด้านนโยบายทางการเงินของ ECB ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ตาม โดยมีการคาดการณ์จากนักลงทุนว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นการปรับลดครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและเปลี่ยนมาใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นกลางมากขึ้นที่ประมาณ 2%

คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปกล้าแสดงความคิดเห็นว่าทางธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องมีความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น และเฝ้าติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยอ้างอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจภายในกลุ่มประเทศ เพื่อให้สามารถกดดันอัตราเงินเฟ้อให้กลับมาสู่เป้าหมายที่ 2% ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้ค่าการว่าธนาคารการยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 125 bps ไปจนถึงกลางปี 2025  ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจของสหรัฐได้เป็นอย่างดี

อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ 2.3% ในเดือนพฤศจิกายน จาก 2% ในเดือนตุลาคม นับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 2 ติดต่อกันและตรงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้คาดว่าจะเกิดจากผลกระทบจากปีก่อนหน้าที่ราคาพลังงานลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ต้นทุนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.7% อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อสำหรับภาคบริการปรับตัวลงเล็กน้อยที่ 3.9%  ซึ่งมาจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 2.7% เท่ากับเดือนก่อนหน้า

PMI ในภาคการก่อสร้างของยูโรโซนลดลงมาอยู่ที่ 42.7 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 43 ในเดือนตุลาคม ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคการก่อสร้างยังคงอยู่ในภาวะหดตัวอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกในอนาคต โดยปัญหาดังกล่าวยังคงเกิดจากการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วของคำสั่งซื้อใหม่ ส่งผลให้บริษัทต่างๆจำเป็นต้องมีการนำนโยบายการเลิกจ้างพนักงานกลับมาใช้อีกครั้ง ในขณะเดียวกัน การซื้อวัสดุสำหรับปัจจัยการผลิตและการใช้บริการของผู้รับเหมาลดลงอย่างชัดเจน โดยเยอรมนีและฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศที่มีกิจกรรมการก่อสร้างลดลงชัดเจนที่สุด

ดัชนีราคาผู้ผลิตในเขตยูโรลดลง 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนตุลาคม น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 3.3% โดยการลดลงในครั้งนี้เป็นผลมาจากราคาพลังงานลดลงมากกว่า 11.2%  ในขณะที่ต้นทุนสินค้าขั้นกลาง (สินค้าที่ใช้เป็นปัจจัยในกระบวนการผลิตสินค้าสำเร็จรูป) ชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 0.5% โดยการลดลงของดัชนีราคาผู้ผลิตนี้ จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ต้นทุนสินค้าและพลังงานยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทต่างๆจำเป็นต้องส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค และอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับขึ้นมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง 

Composite PMI ของยูโรโซนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 48.3 ในเดือนพฤศจิกายน โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมของภาคเอกชนกลับมาหดตัวอีกครั้งและลดลงในอัตราที่เร็วที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม โดยกิจกรรมของภาคบริการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ในขณะที่กิจกรรมของภาคการผลิตยังคงแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการชะลอตัวยังคงเกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ซึ่งแสดงให้เห็นจากคำสั่งซื้อใหม่ของภาคเอกชนที่หดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ยอดขายสินค้าส่งออกต่างประเทศยางลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน