บทวิเคราะห์ GBP/USD วันที่ 9 ธันวาคม 2567

Create at 1 week ago (Dec 09, 2024 10:18)

แนวโน้มเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในปี 2025: ความหวังและความท้าทาย

แนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรสำหรับปี 2025 สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกและความท้าทายตามการคาดการณ์และรายงานต่างๆ OECD ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตเป็น 1.7% โดยอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัว สภาพตลาดแรงงานที่ดีขึ้น และรายได้สุทธิในครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะชะลอตัวลงเหลือ 2.8% ในปี 2025 และ 2.3% ในปี 2026 ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งและนโยบายการใช้จ่ายของภาครัฐคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัว แม้จะมีความไม่แน่นอนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม Deutsche Bank เสนอมุมมองที่ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP ในปี 2025 ลงเหลือ 1.3% โดยอ้างถึงอุปสงค์ภาคเอกชนที่อ่อนแอลง ต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น และตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลง โดยอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างคาดว่าจะชะลอตัวลง ส่งผลให้การบริโภคและการจ้างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางข้อจำกัดทางการคลังที่คาดว่าจะจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาล ในขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารแห่งอังกฤษอาจคืบหน้าช้าลง

ทางด้านแนวโน้มการค้าเผชิญกับอุปสรรคจากภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ที่ยังคงดำเนินอยู่ โดยการเชื่อมโยงกันของการค้าโลกทำให้สหราชอาณาจักรเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุด โดย UBS และหอการค้าอังกฤษ (BCC) เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการชะลอตัวของการค้าโลกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกของสหราชอาณาจักร โดย BCC คาดการณ์การเติบโตที่ไม่สูงนักที่ 1.3% ในปี 2025 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของภาครัฐ แม้ว่าธุรกิจจะกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและแรงกดดันด้านค่าจ้าง

สำหรับความเชื่อมั่นของธุรกิจในสหราชอาณาจักรลดลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นของนายจ้าง การลงทุนที่ชะลอตัวลง และการเติบโตของค่าจ้างที่ลดลง โดยงบประมาณของเรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มภาษีและการเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบต่อแผนธุรกิจ ขณะที่สหพันธ์อุตสาหกรรมแห่งสหราชอาณาจักร (CBI) และสถาบันกรรมการบริษัท (IoD) รายงานถึงความเชื่อมั่นของธุรกิจที่ลดลง โดยพบความเชื่อมั่นในการลงทุนและการจ้างงานอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษสะท้อนถึงความท้าทายในทุกภาคส่วน โดยเน้นที่การหดตัวของการผลิต การเติบโตของบริการที่ลดลง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยกิจกรรมการผลิตหดตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากทั้งในและต่างประเทศลดลง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่การเติบโตของภาคบริการพบว่าชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจต่างๆ พยายามปรับตัวกับต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น การจ้างงานที่ลดลง และความเชื่อมั่นในการลงทุนที่ลดลงหลังจากมาตรการงบประมาณใหม่

ทางด้านยอดขายปลีกลดลง เน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอท่ามกลางค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายอาหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการใช้จ่ายที่ไม่ใช่สินค้าอาหารลดลง โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคสำหรับสินค้าจำเป็นลดลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี จากการใช้จ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ลดลง

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นแม้จะมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูง โดยราคาบ้านในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นในอัตราประจำปีที่เร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่ฟื้นตัวหลังจากช่วงการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ทางด้านแรงกดดันในตลาดแรงงานทวีความรุนแรงขึ้น โดยพบจำนวนตำแหน่งงานประจำและความต้องการแรงงานลดลงเป็นประวัติการณ์หลังจากการขึ้นภาษีงบประมาณ ขณะที่ ONS เผชิญกับความล่าช้าในการปรับปรุงการสำรวจตลาดแรงงาน ซึ่งขัดขวาง BoE ในการประเมินแนวโน้มการจ้างงาน

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการคาดการณ์ที่หลากหลาย แต่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความยืดหยุ่นในภาคส่วนสำคัญ ท่ามกลางความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความไม่แน่นอนของการค้าโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความท้าทายเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน โดยนโยบายที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มทักษะแรงงาน การมีส่วนร่วมของแรงงานที่มากขึ้น และการส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชน จะมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและการบรรลุความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ พลิกกลับหลังจากที่ร่วงลงก่อนหน้านี้ หลังจากรายงานการจ้างงานแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นและการจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดตอบสนองต่ออัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.1% ในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรฟื้นตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง เกินความคาดหมายที่ 200,000 ตำแหน่ง เนื่องจากตลาดแรงงานฟื้นตัวจากความปั่นป่วนก่อนหน้านี้จากพายุเฮอริเคนและการหยุดงาน ท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อเดือนในรอบ 6 เดือนที่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลแรงงานที่หลากหลายนี้ทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 85% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 จุด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟดส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้เจ้าหน้าที่บางคนจะเน้นย้ำถึงความระมัดระวังท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนในวันพุธ ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลสำคัญก่อนการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปีนี้ในสัปดาห์หน้า โดยความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้กลับมาอีกครั้งจากแผนการดำเนินงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2741, 1.2742, 1.2745

แนวรับสำคัญ : 1.2737, 1.2736, 1.2733                     

30Min Outlook  

วิเคราะห์ GBP/USD ที่มา: TradingView                                                

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2732 - 1.2737 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2737 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2742 และ SL ที่ประมาณ 1.2730 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2741 - 1.2746 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2752 และ SL ที่ประมาณ 1.2735 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2741 - 1.2746 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2741 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2736 และ SL ที่ประมาณ 1.2748 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2732 - 1.2737 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2726 และ SL ที่ประมาณ 1.2743 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 9, 2024 10:02AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.2731 1.2733 1.2736 1.2739 1.2742 1.2745 1.2748
Fibonacci 1.2733 1.2736 1.2737 1.2739 1.2741 1.2742 1.2745
Camarilla 1.2737 1.2738 1.2738 1.2739 1.274 1.274 1.2741
Woodie's 1.2731 1.2733 1.2736 1.2739 1.2742 1.2745 1.2748
DeMark's - - 1.2735 1.2738 1.2741 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES