แนวโน้มเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในปี 2025: ความหวังและความท้าทาย
แนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรสำหรับปี 2025 สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกและความท้าทายตามการคาดการณ์และรายงานต่างๆ OECD ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตเป็น 1.7% โดยอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัว สภาพตลาดแรงงานที่ดีขึ้น และรายได้สุทธิในครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะชะลอตัวลงเหลือ 2.8% ในปี 2025 และ 2.3% ในปี 2026 ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งและนโยบายการใช้จ่ายของภาครัฐคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัว แม้จะมีความไม่แน่นอนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม Deutsche Bank เสนอมุมมองที่ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP ในปี 2025 ลงเหลือ 1.3% โดยอ้างถึงอุปสงค์ภาคเอกชนที่อ่อนแอลง ต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น และตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลง โดยอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างคาดว่าจะชะลอตัวลง ส่งผลให้การบริโภคและการจ้างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางข้อจำกัดทางการคลังที่คาดว่าจะจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาล ในขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารแห่งอังกฤษอาจคืบหน้าช้าลง
ทางด้านแนวโน้มการค้าเผชิญกับอุปสรรคจากภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ที่ยังคงดำเนินอยู่ โดยการเชื่อมโยงกันของการค้าโลกทำให้สหราชอาณาจักรเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุด โดย UBS และหอการค้าอังกฤษ (BCC) เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการชะลอตัวของการค้าโลกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกของสหราชอาณาจักร โดย BCC คาดการณ์การเติบโตที่ไม่สูงนักที่ 1.3% ในปี 2025 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของภาครัฐ แม้ว่าธุรกิจจะกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและแรงกดดันด้านค่าจ้าง
สำหรับความเชื่อมั่นของธุรกิจในสหราชอาณาจักรลดลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นของนายจ้าง การลงทุนที่ชะลอตัวลง และการเติบโตของค่าจ้างที่ลดลง โดยงบประมาณของเรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มภาษีและการเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบต่อแผนธุรกิจ ขณะที่สหพันธ์อุตสาหกรรมแห่งสหราชอาณาจักร (CBI) และสถาบันกรรมการบริษัท (IoD) รายงานถึงความเชื่อมั่นของธุรกิจที่ลดลง โดยพบความเชื่อมั่นในการลงทุนและการจ้างงานอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษสะท้อนถึงความท้าทายในทุกภาคส่วน โดยเน้นที่การหดตัวของการผลิต การเติบโตของบริการที่ลดลง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยกิจกรรมการผลิตหดตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากทั้งในและต่างประเทศลดลง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่การเติบโตของภาคบริการพบว่าชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจต่างๆ พยายามปรับตัวกับต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น การจ้างงานที่ลดลง และความเชื่อมั่นในการลงทุนที่ลดลงหลังจากมาตรการงบประมาณใหม่
ทางด้านยอดขายปลีกลดลง เน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอท่ามกลางค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายอาหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการใช้จ่ายที่ไม่ใช่สินค้าอาหารลดลง โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคสำหรับสินค้าจำเป็นลดลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี จากการใช้จ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ลดลง
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นแม้จะมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูง โดยราคาบ้านในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นในอัตราประจำปีที่เร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่ฟื้นตัวหลังจากช่วงการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ทางด้านแรงกดดันในตลาดแรงงานทวีความรุนแรงขึ้น โดยพบจำนวนตำแหน่งงานประจำและความต้องการแรงงานลดลงเป็นประวัติการณ์หลังจากการขึ้นภาษีงบประมาณ ขณะที่ ONS เผชิญกับความล่าช้าในการปรับปรุงการสำรวจตลาดแรงงาน ซึ่งขัดขวาง BoE ในการประเมินแนวโน้มการจ้างงาน
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการคาดการณ์ที่หลากหลาย แต่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความยืดหยุ่นในภาคส่วนสำคัญ ท่ามกลางความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความไม่แน่นอนของการค้าโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความท้าทายเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน โดยนโยบายที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มทักษะแรงงาน การมีส่วนร่วมของแรงงานที่มากขึ้น และการส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชน จะมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและการบรรลุความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ พลิกกลับหลังจากที่ร่วงลงก่อนหน้านี้ หลังจากรายงานการจ้างงานแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นและการจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดตอบสนองต่ออัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.1% ในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรฟื้นตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง เกินความคาดหมายที่ 200,000 ตำแหน่ง เนื่องจากตลาดแรงงานฟื้นตัวจากความปั่นป่วนก่อนหน้านี้จากพายุเฮอริเคนและการหยุดงาน ท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อเดือนในรอบ 6 เดือนที่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลแรงงานที่หลากหลายนี้ทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 85% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 จุด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟดส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้เจ้าหน้าที่บางคนจะเน้นย้ำถึงความระมัดระวังท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนในวันพุธ ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลสำคัญก่อนการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปีนี้ในสัปดาห์หน้า โดยความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้กลับมาอีกครั้งจากแผนการดำเนินงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2741, 1.2742, 1.2745
แนวรับสำคัญ : 1.2737, 1.2736, 1.2733
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2732 - 1.2737 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2737 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2742 และ SL ที่ประมาณ 1.2730 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2741 - 1.2746 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2752 และ SL ที่ประมาณ 1.2735 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2741 - 1.2746 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2741 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2736 และ SL ที่ประมาณ 1.2748 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2732 - 1.2737 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2726 และ SL ที่ประมาณ 1.2743 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Dec 9, 2024 10:02AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2731 | 1.2733 | 1.2736 | 1.2739 | 1.2742 | 1.2745 | 1.2748 |
Fibonacci | 1.2733 | 1.2736 | 1.2737 | 1.2739 | 1.2741 | 1.2742 | 1.2745 |
Camarilla | 1.2737 | 1.2738 | 1.2738 | 1.2739 | 1.274 | 1.274 | 1.2741 |
Woodie's | 1.2731 | 1.2733 | 1.2736 | 1.2739 | 1.2742 | 1.2745 | 1.2748 |
DeMark's | - | - | 1.2735 | 1.2738 | 1.2741 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ