เกษตรกรปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐฯ เผชิญความไม่แน่นอนท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ากับจีน
ราคาถั่วเหลืองสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากการซื้อกองทุนและทางเทคนิค การพัฒนาพืชผลในอเมริกาใต้เป็นไปในทางบวก โดยคาดว่าอาร์เจนตินาและบราซิลจะให้ผลผลิตมหาศาลภายในปี 2025 ท่ามกลางการผลิตเมล็ดพืชน้ำมันในสหรัฐฯ คาดว่าจะถึง 131.2 ล้านตันในปี 2024/25
ถั่วเหลืองยังคงเป็นสินค้าส่งออกทางการเกษตรหลักของอเมริกา โดยมีสัดส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ในปีการตลาด 2023-2024 ท่ามกลางปริมาณการส่งออกถั่วเหลืองที่ลดลงจากปีก่อนเหลือ 60.8 ล้านเมตริกตัน โดยจากสต็อกสินค้าคงเหลือที่ลดลงและการบดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกกากถั่วเหลืองของสหรัฐฯ สร้างสถิติใหม่ที่ 14.4 ล้านเมตริกตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 จากราคาน้ำมันปาล์มที่พุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางประเทศในอเมริกาใต้ เช่น บราซิลและอาร์เจนตินา ที่ได้เพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของจีน โดยทั้งสองประเทศคาดการณ์ว่าผลผลิตถั่วเหลืองในปี 2024-25 จะใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ จีนมีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองจากอเมริกาใต้เพื่อทดแทนอุปทานของสหรัฐฯ โดยการส่งออกถั่วเหลืองของบราซิลคาดว่าจะสูงถึง 97 ล้านตันในปี 2024-25 โดยสงครามการค้าครั้งใหม่คาดว่าจะส่งผลให้อเมริกาใต้เพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การเลือกตั้งของทรัมป์ จีนได้เพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือกับภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ขณะที่ความสามารถในการบดถั่วเหลืองในประเทศของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเพื่อผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองได้สร้างมุมมองเชิงบวกต่อตลาดถั่วเหลืองเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระบุว่า เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐฯ อาจเผชิญกับเงื่อนไขที่ยากขึ้นหากเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในปี 2025 โดยนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์ได้เสนอมาตรการภาษีศุลกากรหลายอย่างที่มุ่งเป้าไปที่จีน ทำให้ราคาถั่วเหลืองผันผวน โดยหากจีนกำหนดภาษีศุลกากรแฝง ราคาถั่วเหลืองในสหรัฐฯ จะลดลงประมาณ 60 เซ็นต์ต่อบุชเชล หรือ 1 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าจากจีนและกระตุ้นให้เกิดมาตรการตอบโต้ที่จำกัดอุปทานของสหรัฐฯ ต่อผู้บริโภคถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ สงครามการค้าครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์กับจีนได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐฯ ส่งผลให้สูญเสียการส่งออกไปประมาณ 80% ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในอนาคต จีนได้กระจายการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยหันไปหาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้าย จากบราซิล อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย
อย่าไรก็ดี ตลาดถั่วเหลืองทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานเพียงพอจนถึงปี 2025 ส่งผลให้ราคาทรงตัว และแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยมีสต็อกถั่วเหลืองอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 132 ล้านเมตริกตัน ขณะที่อุปทานถั่วเหลืองของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง โดยพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองขยายตัว 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี และผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ท่ามกลางผลผลิตถั่วเหลืองของอเมริกาใต้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยผลผลิตของบราซิลและอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้น 10% และ 6% ตามลำดับ
ปัจจุบัน ตลาดมุ่งเน้นไปที่การเก็บเกี่ยวในปี 2025/26 โดยมีกำหนดการเริ่มเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ ท่ามกลางอัตราส่วนการเพาะปลูกถั่วเหลืองต่อข้าวโพดที่บ่งชี้ว่าเกษตรกรควรลดการปลูกถั่วเหลืองเพื่อปลูกข้าวโพดแทน อย่างไรก็ตาม หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ดำเนินการตามวาระการค้าอย่างจริงจัง อาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจากการปลูกถั่วเหลืองเป็นการปลูกข้าวโพดอย่างรุนแรงมากขึ้น
สำหรับราคาถั่วเหลืองซื้อขายโดยพบการย่อตัวเล็กน้อย โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทรงตัวในวันอังคาร เนื่องจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ได้แก้ไขตัวเลขอุปทานของสหรัฐฯ หรือทั่วโลกเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะถั่วเหลืองซื้อขายเพิ่มขึ้น 4 ถึง 5 เซนต์ในตลาดใกล้เคียงในวันพุธ โดยตามข้อมูลของนักวิเคราะห์ สัญญาซื้อขายถั่วเหลืองล่วงหน้าของ Chicago Board of Trade พุ่งสูงขึ้นในวันพุธ จากแรงหนุนของโมเมนตัมในตลาดอื่นๆ
สำหรับราคาถั่วเหลืองในตลาด CBOT คาดว่าจะอยู่ที่ 9.70 ดอลลาร์ต่อบุชเชลจนถึงปี 2025 โดยราคายังคงอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นการลดพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง ขณะที่อัตรากำไรจากการบดถั่วเหลืองในประเทศของธุรกิจถั่วเหลืองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเนื่องจากผลผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US Soybeans Futures - Jan 25 (ZSF5)
แนวต้านสำคัญ : 992.65, 992.94, 993.42
แนวรับสำคัญ : 991.69, 991.40, 990.92
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 991.09 - 991.69 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 991.69 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 992.84 และ SL ที่ประมาณ 990.79 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 992.65 - 993.25 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 995.40 และ SL ที่ประมาณ 991.39 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 992.65 - 993.25 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 992.65 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 991.59 และ SL ที่ประมาณ 993.55 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 991.09 - 991.69 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 989.20 และ SL ที่ประมาณ 992.95 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Dec 12, 2024 09:49AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 990.34 | 990.92 | 991.59 | 992.17 | 992.84 | 993.42 | 994.09 |
Fibonacci | 990.92 | 991.4 | 991.69 | 992.17 | 992.65 | 992.94 | 993.42 |
Camarilla | 991.91 | 992.02 | 992.14 | 992.17 | 992.36 | 992.48 | 992.59 |
Woodie's | 990.38 | 990.94 | 991.63 | 992.19 | 992.88 | 993.44 | 994.13 |
DeMark's | - | - | 991.88 | 992.31 | 993.12 | - | - |
ที่มา: MSN, ING Bank N.V.
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ