ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะถึงนี้

ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นยังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 152.3 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากอ่อนค่าลงติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้การคาดการณ์ของนักลงทุนที่คาดว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมลดลง แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ BoJ บางส่วนต้องการให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ก็ตาม โดยมองว่าการอ่อนค่ามากเกินไปขอค่าเงินเยนอาจส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นและอาจนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ด้านนักลงทุนเองก็กำลังรอการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ โดยเงินเยนในปัจจุบันยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น แม้ว่าข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐล่าสุดจะเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าก็ตาม

ความเชื่อมั่นในด้านการผลิตของญี่ปุ่นลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนธันวาคม โดยดัชนี Tankan ของรอยเตอร์ลดลงเหลือ -1 จาก +5 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นแสดงค่าเชิงลบครั้งแรกในรอบ 10 เดือน สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลง แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจากทางรัฐบาลบางส่วนก็ตาม โดยความเชื่อมั่นทางธุรกิจหดตัวลงในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักร, เหล็กและโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก โดยธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรใหม่ที่ทรัมป์เสนอ โดยกลัวว่ามาตรการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลก ในขณะที่ยอดขายที่อ่อนแอในจีนก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงด้วย

ยอดสั่งซื้อเครื่องมือเครื่องจักรของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 119,336 ล้านเยนในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งชะลอตัวลงจากการเติบโต 9.3% ในเดือนก่อนหน้า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการเครื่องจักรในการผลิตสินค้าภายในประเทศที่พุ่งขึ้น 5% จากปีก่อน ที่ 34,326 ล้านเยน นอกจากนี้ คำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 2.2% ซึ่งมีมูลค่ากว่า 85,010 ล้านเยน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบเป็นรายเดือนพบว่ายอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรลดลง 2.6%

GDP ของญี่ปุ่นขยายตัว 0.3% เทียบเป็นรายไตรมาสในไตรมาสที่ 3 สูงกว่าข้อมูลของธนาคารกลางญี่ปุ่นได้คาดการณ์ไว้และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 0.2% ซึ่งถือเป็นการเติบโต 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยการลงทุนทางธุรกิจลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายตัวของธุรกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ดุลการค้าของญี่ปุ่นยังคงอ่อนตัวกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการส่งออกลดลงมากกว่าการนำเข้า นอกจากนี้ อุปสงค์ภายนอกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อ GDP โดยอุปสงค์หดตัวลง 3 ไตรมาสติดต่อกัน แม้ว่าการบริโภคของภาคเอกชนยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นก็ตาม 

ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งใช้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าโดยอาศัยข้อมูลต่างๆ เช่น การเสนอการจ้างงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ลดลงมาอยู่ที่ 108.6 ในเดือนตุลาคม จาก 108.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 108.9 การลดลงที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากอัตราการว่างงานที่ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในเดือนตุลาคม จากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนกันยายน ในขณะเดียวกัน ภาคบริการหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่กิจกรรมภาคโรงงานหดตัวมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็ว