ธนาคารกลางแคนาดาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 bps

ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.41 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารกลางแคนาดาส่งสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตที่ช้าลง หลังจากการลดอัตราดอกเบี้ย 50bps ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งที่ผ่านมานั้นตรงกับที่คาดการณ์ของตลาด ทำให้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังมุมมองทางนโยบายของธนาคารกลางในอนาคตมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

ธนาคารกลางแคนาดาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 bps เป็นการตัดสินใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 175 bps ในปีนี้ โดยผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางแคนาดาได้ให้ความคิดเห็นว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในปี 2025 อย่างแน่นอน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า GDP ของแคนาดาเติบโต 1% ต่อปีในไตรมาสที่ 3 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของธนาคารกลาง และการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะพลาดการคาดการณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอื่นๆ บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคสูงกว่าที่คาดไว้ สุดท้าย ธนาคารกลางแคนาดาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ใกล้เป้าหมาย 2% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แต่ภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นจากฝ่ายบริหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในอนาคตอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นได้อีกครั้ง

PMI ภาคบริการของแคนาดาเพิ่มขึ้นเป็น 51.2 ในเดือนพฤศจิกายน นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมของภาคบริการที่เติบโตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าการขยายตัวโดยรวมจะยังคงทรงตัว แต่ธุรกิจเกิดใหม่แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยตั้งแต่เดือนตุลาคม นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจในภาคบริการยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมไปถึงความขัดแย้งในระดับโลกและค่าของชีพที่เพิ่มสูงมากขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง อย่างไรก็ตามอัตราการจ้างงานยังคงเพิ่มสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ด้านต้นทุนปัจจัยการผลิตพบว่าต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่

ด้าน PMI ภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นเป็น 52.0 จาก 51.1 ในเดือนตุลาคม ถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดของกิจกรรมของภาคการผลิตตั้งแต่ปี 2023 และนับเป็นการขยายตัวเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยผลผลิตที่สามารถทำได้กลับมาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ยังคงเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกัน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนคำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการจ้างงานยังคงมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ด้านต้นทุนการผลิตพบว่าปรับตัวเพิ่มมากขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การนำเข้าสินค้ามีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแคนาดาอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.1% โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่านโยบายการเงินจะมีมาตรการที่ชัดเจนมากขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยการลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมที่ผ่านมา และท่าทีที่ระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งสัญญาณต่อนักลงทุนว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งแรงผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อจากการขึ้นภาษี รวมไปถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เติบโตมากกว่าที่คาด ยังคงเป็นข้อมูลที่ต้องใช้พิจารณาต่อไป