ธนาคารกลางยุโรปอาจใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปีหน้า

เงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังจากธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภายในยูโรโซนอาจกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งดูได้จากการปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆในประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาแนวโน้มของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วย

การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนทรงตัวในเดือนตุลาคม หลังจากลดลง 1.5% ในเดือนกันยายน โดยได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากการผลิตสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในขณะที่การผลิตผลิตภัณฑ์พลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ในบรรดาเศรษฐกิจหลักของเขตยูโร เยอรมนีมีการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญที่ 1.1% ในขณะที่ฝรั่งเศสมีการผลิตลดลงเล็กน้อย 0.2% ในทางกลับกัน สเปนรายงานว่าเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าบางประเทศการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อดูภาพรวมแล้วพบว่ายังคงมีความกังวลจากการชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเร่งตัวได้ไม่มากนัก

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งตรงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดเพียงแค่ 25 bps เท่านั้น โดยการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้คาดว่าเกิดขึ้นจากความพยายามในการกดดันเงินเฟ้อเริ่มแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการคาดการณ์ไว้ที่ 2.4% ในปี 2024, 2.1% ในปี 2025 และ 1.9% ในปี 2026 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมพลังงานและอาหารจะลดลงเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง 

แม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ แต่บริษัทต่างๆ ยังคงมีสภาวะทางการเงินที่ตึงตัว เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต่างๆ ที่ต้องหาต้นทุนเพิ่มเติม จำเป็นต้องมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดนักลงทุน สำหรับการกู้ยืมในภาคครัวเรือนพบว่าสถานะทางการเงินยังคงตึงตัวเช่นเดียวกัน จากการจ่ายค่างวดที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามธนาคารการคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช้าลงกว่าเดิม โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 0.7% ในปี 2024, 1.1% ในปี 2025 และ 1.4% ในปี 2026 โดย ECB ยังคงมุ่งเน้นไปที่การทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% และจะปรับนโยบายทางการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้

เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.4% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี และเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวที่ 0.2% ในไตรมาสที่ 2 โดยการใช้จ่ายระดับครัวเรือนและการใช้จ่ายจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ดุลการค้าได้ส่งแรงกดดันต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากการส่งออกลดลง 1.5% ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก 0.2% โดย GDP ของเยอรมนีได้มีการขยายตัว 0.1% ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคได้ นอกจากนี้ GDP ของฝรั่งเศสและสเปนยังคงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.4% และ 0.8% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม GDP ได้ขยายตัวไปกว่า 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของกลุ่มประเทศในยูโรโซนและอาจแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่อาจเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต