ECB ลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซา ชี้อาจผ่อนคลายเพิ่ม

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 25 จุดเหลือ 3.0% พร้อมส่งสัญญาณผ่อนปรนเพิ่มเติม เนื่องจากการเติบโตของยูโรโซนยังคงอ่อนแอ และอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของ ECB ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางการเมืองในฝรั่งเศสและเยอรมนี ประกอบกับความเสี่ยงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ความท้าทายทางเศรษฐกิจทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงผลผลิตที่หยุดนิ่งและภาวะอุตสาหกรรมถดถอย โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับกลางที่ 2-2.5% ภายในปี 2025

อย่างไรก็ดี กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงซบเซา โดยพบการเติบโตเพียงเล็กน้อยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง ท่ามกลางผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หยุดชะงัก โดยการเติบโตของผลผลิตยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้านทั่วโลก และความท้าทาย เช่น ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นและความต้องการที่อ่อนแอยังคงมีอยู่ ขณะที่มีการคาดการณ์บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจกลับมาสู่เป้าหมายได้ภายในต้นปี 2025 ท่ามกลางการคาดการณ์การเติบโตที่ยังคงไม่สูง จากความเสี่ยงด้านลบจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และในประเทศ

ด้านเศรษฐกิจของเยอรมนีเผชิญกับภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อยังคงทรงตัวและแนวโน้มการเติบโตที่ต่ำ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อทรงตัวที่ 2.4% ในเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 0.2% ในปี 2024 ถือเป็นการลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางความท้าทายเชิงโครงสร้าง ความต้องการภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ ต้นทุนพลังงานที่สูง และการส่งออกที่ลดลง โดยเฉพาะไปยังจีน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การชะลอตัวดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น โดยธนาคาร Bundesbank สถาบัน Ifo และ DIW Berlin รวมถึง IfW Kiel ต่างปรับลดการคาดการณ์การเติบโต โดยเตือนถึงภาวะชะงักงันและการฟื้นตัวที่ช้าท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสกำลังประสบกับการเติบโตที่ช้าลงแต่มีความทรงตัวมากขึ้น โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจแตะระดับ 0.4% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่คาดว่าการเติบโตจะหยุดชะงักในไตรมาสที่ 4 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.7% ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากราคาอาหาร ในขณะที่ต้นทุนพลังงานลดลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเชิงบวกและการใช้ความระมัดระวังในภาคบริการ แต่ยังคงประสบปัญหาในภาคอุตสาหกรรมและก่อสร้าง โดยบริษัทต่างๆ ลดการลงทุนและจ้างงานเนื่องจากความไม่แน่นอนในนโยบายการคลัง

ด้านดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และถือเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบเดือน จากตลาดปรับคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ช้าลงในปี 2025 โดยมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 4.25-4.50%

ในขณะที่ตลาดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ความสนใจได้เปลี่ยนไปที่ตัวเลขหรือข้อมูลคาดการณ์ที่ปรับปรุงใหม่ของผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งอาจส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปี 2025 เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยการคาดการณ์ปัจจุบันบ่งชี้ว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2025 ซึ่งลดลงจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4 ครั้ง โดยอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายคาดว่าจะอยู่ที่ 3.1%

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์สังเกตเห็นสัญญาณของการผ่อนคลายอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนที่อยู่อาศัย แต่เตือนว่าเงินเฟ้อยังคงมีความหนืด และเฟดอาจแก้ไขการคาดการณ์การเติบโตและเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ รวมถึงภาษีศุลกากรและมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่อาจเกิดขึ้น ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งอาจจำกัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0521, 1.0523, 1.0527

แนวรับสำคัญ : 1.0513, 1.0511, 1.0507             

1H Outlook      

ที่มา: TradingView                                                                  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0503 - 1.0513 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0513 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0522 และ SL ที่ประมาณ 1.0498 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0521 - 1.0531 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0536 และ SL ที่ประมาณ 1.0508 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0521 - 1.0531 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0521 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0512 และ SL ที่ประมาณ 1.0536 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0503 - 1.0513 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0498 และ SL ที่ประมาณ 1.0526 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 16, 2024 09:02AM GMT+7