ธนาคารกลางแคนาดามมีแนวโน้มปรับลดอัตราเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า

ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็ตาม โดยธนาคารกลางสหรัฐได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปี 2025 และการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะสามารถเติบโตต่อไปได้แม้จะเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูง ด้านดอลลาร์แคนาดาได้รับการสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางแคนาดาอาจยังคงเปล่าลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจที่อ่อนแอและทำให้ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยกับสหรัฐฯ กว้างขึ้น

อัตราเงินเฟ้อในแคนาดาอยู่ที่ 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน ลดลงจาก 2% ในเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2% โดยการประกาศอัตราเงินเฟ้อในครั้งนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารกลางแคนาดาที่ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงอยู่ใกล้เกณฑ์ 2% ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวอยู่ที่ 2.7% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเหลือ 2.5% อย่างไรก็ตาม ค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจกระทบถึงต้นทุนในการประกอบกิจการและกระทบถึงเศรษฐกิจโดยรวม อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 2%

นักลงทุนต่างชาติได้เพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ของแคนาดาเพิ่มเป็นมูลค่าสุทธิ 21,550 ล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการลงทุนภายในประเทศเดือนที่ 8 ติดต่อกัน แม้ว่าจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 24,500 ล้านดอลลาร์แคนาดาก็ตาม การเพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการซื้อตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 11,800 ล้านดอลลาร์แคนาดา โดยแบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 8,100 ล้านดอลลาร์แคนาดา ในขณะเดียวกันที่การลงทุนในหุ้นยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องซึ่งมีมูลค่ากว่า 9,800 ล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการขนส่ง ในขณะเดียวกัน ชาวแคนาดาลดการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศลง 2,600 ล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งถือเป็นการขายหุ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคม โดยขับเคลื่อนโดยการขายหุ้นต่างประเทศมูลค่า 15,600 ล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นของสหรัฐฯ

งบประมาณขาดดุลของรัฐบาลแคนาดาลดลงเหลือ 1.5 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนตุลาคม 2024 จาก 7 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนเดียวกันของปีก่อน ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีงบประมาณ 2024/25 (เมษายน-ตุลาคม) ประเทศบันทึกการขาดดุล 14.5 พันล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งดีขึ้นจากการขาดดุล 15.1 พันล้านดอลลาร์แคนาดาที่รายงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายของโครงการเพิ่มขึ้น 9.8% ซึ่งขับเคลื่อนโดยการโอนที่เพิ่มขึ้นไปยังบุคคลและจังหวัด ขณะที่ค่าใช้จ่ายหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น 19.4% ซึ่งสะท้อนถึงอัตราที่แท้จริงที่สูงขึ้นของพันธบัตรที่ซื้อขายได้และตั๋วเงินคลัง ในขณะเดียวกัน รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 10.7% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแคนาดาอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 3.28% จาก 3.345% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวกว่าที่คาด ทำให้ธนาคารกลางแคนาดามีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุปสงค์ภายในประเทศและตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ธนาคารกลางแคนาดาได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP เป็น 1.7% สำหรับปี 2025 (ลดลงจาก 1.9%) และ 2.1% สำหรับปี 2026 (ลดลงจาก 2.2%) ซึ่งสะท้อนถึงโมเมนตัมที่ชะลอตัวแม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50bps เมื่อเร็ว ๆ นี้เหลือ 3.25% ก็ตาม ในขณะเดียวกัน การลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คริสเทีย ฟรีแลนด์ เนื่องด้วยความขัดแย้งด้านนโยบายกับนายกรัฐมนตรีทรูโด ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายทางการคลังมากขึ้น