ธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณรอจังหวะ ท่ามกลางเงินเฟ้อพุ่งและเงินเยนอ่อนตัว
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% โดยใช้แนวทางที่ระมัดระวัง สะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความเสี่ยงในตลาดโลก การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามคาด แม้จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและเสียงคัดค้านจากนาโอกิ ทามูระ หนึ่งในคณะกรรมการ ที่เสนอให้ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5% โดยเน้นความกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้น
ผู้ว่าการธนาคารกลาง คาซูโอะ อุเอดะ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรอข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะการเติบโตของค่าจ้างและความยั่งยืนของเงินเฟ้อ ก่อนจะพิจารณาการปรับดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการผ่อนปรน ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน และลดความคาดหวังต่อการขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้ โดยตลาดจับตาการตัดสินใจในเดือนมกราคมหรือมีนาคม
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้น จากต้นทุนอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% สะท้อนแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง โดยการอ่อนค่าของเงินเยนยังคงทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม BOJ มองว่าการเติบโตของค่าจ้างเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเงินเฟ้อที่ยั่งยืน ทำให้การเจรจาค่าแรงในฤดูใบไม้ผลิกลายเป็นจุดสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายในอนาคต
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่หลากหลาย โดยพบการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน อันเป็นผลจากเงินเยนที่อ่อนค่า แต่กิจกรรมภาคการผลิตหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่หก บ่งชี้ถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ รัฐบาลรายงานการฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่เตือนถึงความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงในสหรัฐฯ และการเติบโตที่ชะลอตัวในจีน ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของญี่ปุ่นต่อแรงกระแทกจากภายนอก
ทั้งนี้ BOJ ยังได้เผยแพร่การทบทวนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบไม่เป็นทางการ โดยยอมรับข้อจำกัดและผลกระทบข้างเคียง เช่น ความบิดเบือนของตลาด โดยสำหรับอนาคต การตัดสินใจของ BOJ จะขึ้นอยู่กับความยั่งยืนของการเติบโตของค่าจ้าง ผลกระทบจากเงินอุดหนุนของรัฐบาล และพัฒนาการทางเศรษฐกิจภายนอก โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย แต่ท่าทีที่ระมัดระวังของ BOJ สะท้อนถึงความต้องการเสถียรภาพท่ามกลางความไม่แน่นอน
ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนที่มั่นคง ขณะที่นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการเงินและข้อจำกัดทางการคลัง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบปี โดยได้แรงหนุนจากท่าทีที่เข้มงวดเกินคาดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมเดือนธันวาคม นักวิเคราะห์จาก UBS คาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังคงแข็งแกร่ง แม้จะคาดการณ์การอ่อนค่าลงเล็กน้อยในปี 2025 จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดและความเสี่ยงด้านภาษีศุลกากร ขณะที่ศูนย์วิจัย Goldman Sachs ปรับประมาณการโดยเลื่อนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม มิถุนายน และกันยายน โดยอัตราดอกเบี้ยปลายทางคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-3.75%
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น สะท้อนแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้เงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ท่ามกลางดัชนีราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดในรอบหกเดือน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับภาษี และนโยบายการย้ายถิ่นฐานภายใต้การบริหารของทรัมป์ ซึ่งอาจกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และทำให้การผ่อนคลายทางการเงินทำได้ยากขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริษัทสหรัฐฯ เพิ่มการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในอุปกรณ์ 8.7% ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาว แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ท่ามกลางโครงสร้างการคลังที่เข้มงวดที่จำกัดความยืดหยุ่นในการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายภาคบังคับ เช่น ประกันสังคม เมดิแคร์ และเมดิเคด ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนสูงสุดในการใช้จ่าย ขณะที่งบประมาณกลาโหมคาดว่าจะไม่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้การกระชับนโยบายทางการคลังคาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นได้
ทางด้าน Goldman Sachs คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตที่ 2.6% ในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตและประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.4% ภายในสิ้นปี โดยมีแรงกดดันด้านที่อยู่อาศัยและค่าจ้างที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะในยูโรโซนและจีน ยังคงเป็นความท้าทายต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/JPY
แนวต้านสำคัญ : 156.63, 156.71, 156.85
แนวรับสำคัญ : 156.37, 156.29, 156.15
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 156.17 – 156.37 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 156.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 156.65 และ SL ที่ประมาณ 156.07 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 156.63 – 156.83 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 157.14 และ SL ที่ประมาณ 156.27 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 156.63 – 156.83 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 156.63 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 156.30 และ SL ที่ประมาณ 156.93 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 156.17 – 156.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 155.95 และ SL ที่ประมาณ 156.73 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Dec 23, 2024 09:18AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 155.96 | 156.15 | 156.3 | 156.5 | 156.65 | 156.85 | 156.99 |
Fibonacci | 156.15 | 156.29 | 156.37 | 156.5 | 156.63 | 156.71 | 156.85 |
Camarilla | 156.37 | 156.4 | 156.43 | 156.5 | 156.49 | 156.52 | 156.55 |
Woodie's | 155.94 | 156.14 | 156.28 | 156.49 | 156.63 | 156.84 | 156.97 |
DeMark's | - | - | 156.23 | 156.47 | 156.58 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ