บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 23 ธันวาคม 2567

Create at 4 hours ago (Dec 23, 2024 09:40)

ธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณรอจังหวะ ท่ามกลางเงินเฟ้อพุ่งและเงินเยนอ่อนตัว

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% โดยใช้แนวทางที่ระมัดระวัง สะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความเสี่ยงในตลาดโลก การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามคาด แม้จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและเสียงคัดค้านจากนาโอกิ ทามูระ หนึ่งในคณะกรรมการ ที่เสนอให้ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5% โดยเน้นความกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้น

ผู้ว่าการธนาคารกลาง คาซูโอะ อุเอดะ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรอข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะการเติบโตของค่าจ้างและความยั่งยืนของเงินเฟ้อ ก่อนจะพิจารณาการปรับดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการผ่อนปรน ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน และลดความคาดหวังต่อการขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้ โดยตลาดจับตาการตัดสินใจในเดือนมกราคมหรือมีนาคม

ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้น จากต้นทุนอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% สะท้อนแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง โดยการอ่อนค่าของเงินเยนยังคงทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม BOJ มองว่าการเติบโตของค่าจ้างเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเงินเฟ้อที่ยั่งยืน ทำให้การเจรจาค่าแรงในฤดูใบไม้ผลิกลายเป็นจุดสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายในอนาคต

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่หลากหลาย โดยพบการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน อันเป็นผลจากเงินเยนที่อ่อนค่า แต่กิจกรรมภาคการผลิตหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่หก บ่งชี้ถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ รัฐบาลรายงานการฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่เตือนถึงความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงในสหรัฐฯ และการเติบโตที่ชะลอตัวในจีน ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของญี่ปุ่นต่อแรงกระแทกจากภายนอก

ทั้งนี้ BOJ ยังได้เผยแพร่การทบทวนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบไม่เป็นทางการ โดยยอมรับข้อจำกัดและผลกระทบข้างเคียง เช่น ความบิดเบือนของตลาด โดยสำหรับอนาคต การตัดสินใจของ BOJ จะขึ้นอยู่กับความยั่งยืนของการเติบโตของค่าจ้าง ผลกระทบจากเงินอุดหนุนของรัฐบาล และพัฒนาการทางเศรษฐกิจภายนอก โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย แต่ท่าทีที่ระมัดระวังของ BOJ สะท้อนถึงความต้องการเสถียรภาพท่ามกลางความไม่แน่นอน

ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนที่มั่นคง ขณะที่นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการเงินและข้อจำกัดทางการคลัง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบปี โดยได้แรงหนุนจากท่าทีที่เข้มงวดเกินคาดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมเดือนธันวาคม นักวิเคราะห์จาก UBS คาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังคงแข็งแกร่ง แม้จะคาดการณ์การอ่อนค่าลงเล็กน้อยในปี 2025 จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดและความเสี่ยงด้านภาษีศุลกากร ขณะที่ศูนย์วิจัย Goldman Sachs ปรับประมาณการโดยเลื่อนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม มิถุนายน และกันยายน โดยอัตราดอกเบี้ยปลายทางคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-3.75%

อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น สะท้อนแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้เงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ท่ามกลางดัชนีราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดในรอบหกเดือน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับภาษี และนโยบายการย้ายถิ่นฐานภายใต้การบริหารของทรัมป์ ซึ่งอาจกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และทำให้การผ่อนคลายทางการเงินทำได้ยากขึ้น

ในขณะเดียวกัน บริษัทสหรัฐฯ เพิ่มการกู้ยืมเพื่อการลงทุนในอุปกรณ์ 8.7% ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาว แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ท่ามกลางโครงสร้างการคลังที่เข้มงวดที่จำกัดความยืดหยุ่นในการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายภาคบังคับ เช่น ประกันสังคม เมดิแคร์ และเมดิเคด ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนสูงสุดในการใช้จ่าย ขณะที่งบประมาณกลาโหมคาดว่าจะไม่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้การกระชับนโยบายทางการคลังคาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นได้

ทางด้าน Goldman Sachs คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตที่ 2.6% ในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตและประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.4% ภายในสิ้นปี โดยมีแรงกดดันด้านที่อยู่อาศัยและค่าจ้างที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะในยูโรโซนและจีน ยังคงเป็นความท้าทายต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1HCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 156.63, 156.71, 156.85

แนวรับสำคัญ : 156.37, 156.29, 156.15                  

1H Outlook           

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView                                            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 156.17 – 156.37 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 156.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 156.65 และ SL ที่ประมาณ 156.07 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 156.63 – 156.83 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 157.14 และ SL ที่ประมาณ 156.27 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 156.63 – 156.83 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 156.63 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 156.30 และ SL ที่ประมาณ 156.93 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 156.17 – 156.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 155.95 และ SL ที่ประมาณ 156.73 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 23, 2024 09:18AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 155.96 156.15 156.3 156.5 156.65 156.85 156.99
Fibonacci 156.15 156.29 156.37 156.5 156.63 156.71 156.85
Camarilla 156.37 156.4 156.43 156.5 156.49 156.52 156.55
Woodie's 155.94 156.14 156.28 156.49 156.63 156.84 156.97
DeMark's - - 156.23 156.47 156.58 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES