บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 25 ธันวาคม 2567

Create at 13 hours ago (Dec 25, 2024 11:08)

ยูโรโซนเผชิญเศรษฐกิจเปราะบาง ECB จับตาลดดอกเบี้ยท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง

แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเปราะบาง ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างระมัดระวัง โดย ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 4 ครั้งในปีนี้ เหลือ 3% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย 2% สำหรับปี 2025

คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากเงินเฟ้อมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายยังมีความเห็นต่างเกี่ยวกับความเร็วและขอบเขตของการปรับลด โดย นักเศรษฐศาสตร์สนับสนุนการปรับลดแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนในตลาด ขณะที่การลดดอกเบี้ยแบบรุนแรงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มดังกล่าว โดยตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมประมาณ 115 จุดพื้นฐานภายในกลางปี 2025 แต่ผู้กำหนดนโยบายเตือนว่าการคาดการณ์อาจเปลี่ยนแปลงหากภาวะเศรษฐกิจแย่ลง

ในขณะเดียวกัน ยุโรปกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง รัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศส นำโดยนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บาโยรู ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านงบประมาณและการขาดดุลที่คาดว่าจะสูงกว่า 6% ของ GDP ท่ามกลางคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จำต้องผลักดันงบประมาณปี 2025 ภายใต้แรงกดดันจากการลงมติไม่ไว้วางใจ ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง หวังรักษาเสถียรภาพทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนโดยรวมยังคงเปราะบาง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศรอบนอก เช่น อิตาลี เพิ่มขึ้น สะท้อนความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ผู้กำหนดนโยบายกังวลถึงความเสี่ยงภายนอก รวมถึงภาษีนำเข้าที่อาจถูกเรียกเก็บภายใต้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและบั่นทอนการเติบโตในระยะยาว

นอกจากนี้ ECB กำลังเผชิญกับภารกิจที่ยากลำบากในการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงเกินไป ประเด็นเกี่ยวกับ 'อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง' ซึ่งคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 1.5%-3% สะท้อนความไม่แน่นอนว่าดอกเบี้ยควรลดลงมากเพียงใดเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาด โดยผู้กำหนดนโยบายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนทิศทางตามข้อมูลเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง

ด้านเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซน ยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซา เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตโดยรวมของเขตเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะหดตัว 0.2% ในปี 2024 ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นปีที่สอง ต้นทุนพลังงานและอาหารที่สูง รวมถึงความไม่มั่นคงในตลาดแรงงาน กดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับลบ แม้จะดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนมกราคม ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันที่พุ่งสูงขึ้น สะท้อนความไม่แน่นอนของตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ย สอดคล้องกับแนวโน้มโลกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปี 2025

ในขณะเดียวกัน การปฏิรูปการคลังกลายเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขผลกระทบของเงินเฟ้อ โดยเยอรมนีผ่านมาตรการลดภาษีเพื่อลดภาระครัวเรือน แม้ว่าจะส่งผลให้รายได้ต่อปีลดลงถึง 14 พันล้านยูโร ซึ่งมาตรการดังกล่าวเน้นย้ำถึงความขัดแย้งทางการเมือง หลังจากรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ล่มสลาย ทำให้เยอรมนีต้องเผชิญกับการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนี้ เยอรมนียังต้องรับมือกับราคาผลิตและราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ว่าจะลดลง บ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ แม้ว่ารายได้จากภาษีจะเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพฤศจิกายนจากมาตรการก่อนหน้า แต่ตัวชี้วัดชี้ถึงความตึงเครียดในตลาดแรงงานและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลง

ในสหรัฐฯ ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าท่ามกลางการซื้อขายช่วงวันหยุดที่เบาบาง จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยตลาดกำหนดราคาสำหรับการลดดอกเบี้ยเพียง 35 จุดพื้นฐานในปี 2025 หลังจาก เฟดส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดในแนวทางการลดดอกเบี้ย โดยคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานเพียง 2 ครั้ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าความแข็งแกร่งนี้จะคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2025 แม้ว่าความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรภายใต้รัฐบาลทรัมป์ และโมเมนตัมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลต่อการปรับนโยบาย

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงความแข็งแกร่งจากคำสั่งซื้อภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นและยอดขายบ้านใหม่ที่ฟื้นตัว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงสูง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานจะปรับตัวลดลงเหลือ 2.5% ภายในต้นปี 2025 ซึ่งอาจสอดคล้องกับหรือต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด และอาจส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ โมเมนตัมของตลาดแรงงานยังอ่อนตัวลง โดยอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสมมติฐานการเติบโตของเฟด ขณะที่ BCA Research คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยโดยรวมจะปรับตัวลดลงถึง 100 จุดพื้นฐานภายในสิ้นปีหน้า หากแนวโน้มเงินเฟ้อลดลง ซึ่งตรงกันข้ามกับท่าทีระมัดระวังของเฟด

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาความแตกต่างด้านนโยบายการเงิน โดยท่าทีระมัดระวังของเฟดช่วยหนุนดอลลาร์ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรปอาจเพิ่มแรงกดดันให้ ECB ปรับลดดอกเบี้ย โดยนักลงทุนต้องเผชิญความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในปี 2025

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0408, 1.0414, 1.0425

แนวรับสำคัญ : 1.0369, 1.0380, 1.0386

1D Outlook       

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0339 - 1.0369 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0369 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0411 และ SL ที่ประมาณ 1.0324 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0408 - 1.0438 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0445 และ SL ที่ประมาณ 1.0371 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0408 - 1.0438 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0408 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0383 และ SL ที่ประมาณ 1.0453 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0339 - 1.0369 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0332 และ SL ที่ประมาณ 1.0423 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Dec 25, 2024 10:33AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.0355 1.0369 1.0383 1.0397 1.0411 1.0425 1.0439
Fibonacci 1.0369 1.038 1.0386 1.0397 1.0408 1.0414 1.0425
Camarilla 1.0389 1.0392 1.0394 1.0397 1.04 1.0402 1.0405
Woodie's 1.0355 1.0369 1.0383 1.0397 1.0411 1.0425 1.0439
DeMark's - - 1.0376 1.0393 1.0404 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES