อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นอาจเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ได้อีกครั้ง

ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยอ่อนค่าลงใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ที่ประมาณ 157 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงกว่า 4.9% ภายในเดือนนี้ การอ่อนค่าอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าทางรัฐบาลญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเยนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินเยนยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็ตาม ในขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจของอเมริกาหลังจากที่มีการแต่งตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องพิจารณาถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างถี่ถ้วน 

ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งใช้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าโดยอาศัยข้อมูลต่างๆ เช่น การเสนอการจ้างงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค มีการประกาศอยู่ที่ 109.1 ในเดือนตุลาคม สูงกว่าในเดือนกันยายนที่ 108.9 ถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่สูงเป็นประวัติการณ์และการปรับขึ้นค่าจ้างที่ได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สำนักงานคณะรัฐมนตรีเปิดเผยว่าสถานการณ์การจ้างงานในปัจจุบันนี้ยังคงมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นแม้ว่าจะมีอัตราชะลอตัวลงก็ตาม โดยการเสนอการจ้างงานใหม่ในหน่วยงานรัฐยังคงคงที่ในขณะที่การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ซบเซาบ้างก็ตาม 

นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะกลับเข้าสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการลดลงของอัตราเงินเฟ้อนี้จะยังสามารถปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานได้อีกด้วย นายคาซูโอะ อุเอดะ ได้ออกความคิดเห็นว่าเศรษฐกิจภายในประเทศยังจำเป็นต้องเดินหน้าไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่มั่นคง โดยธนาคารกลางจะยังคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย โดยอ้างอิงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นนี้จะขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อในราคาสินค้า และสภาพคล่องทางการเงินของระบบเศรษฐกิจ

PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 49.5 ในเดือนธันวาคม จากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 49.2 อย่างไรก็ตาม กิจกรรมในภาคการผลิตยังคงแสดงให้เห็นถึงการหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดขายจากต่างประเทศลดลงเร็วมากกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นได้ช่วยสนับสนุนให้ผลผลิตที่สามารถทำได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในด้านต้นทุนวัตถุดิบพบว่ายังคงสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้การนำเข้าสินค้าต่างๆ มีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นด้วย 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีทรงตัวที่ประมาณ 1.06% เนื่องจากนักลงทุนยังคงประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแต่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 2.9% ทำให้นักลงทุนค่าการว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจำเป็นต้องพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้าเพื่อกดดันอัตราเงินเฟ้อให้กลับมาสู่ขอเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของธนาคารกลางที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนธันวาคม โดยอ้างถึงความจำเป็นในการประเมินแนวโน้มค่าจ้าง ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ คนใหม่ ทำให้นักลงทุนมีความสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoJ ต่อไป และยังไม่แน่ใจว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเมื่อใด ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงทรงตัว เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับมามีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย ในปัจจุบัน นักลงทุนได้มีการคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 bps สำหรับปี 2025