อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะกลับมาสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอีกครั้ง

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วแต่จุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี และร่วงลงเกือบ 6% ภายในปี 2024  โดยมีแรงหนุนจากการคาดการณ์นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั้งยุโรปและสหรัฐที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังพิจารณาการประชุมของธนาคารกลางเมื่อเร็วๆ นี้ และปรับการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 โดย คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนกำลังกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อในภาคบริการที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 3.9%  ยังคงเป็นหนึ่งอุปสรรคและความท้าทายที่ธนาคารกลางยุโรปจำเป็นต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกัน การที่ธนาคารกลางสหรัฐคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2025 ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยการประชุมครั้งล่าสุดธนาคารกลางยุโรปได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps ซึ่งเป็นการลดลงตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยธนาคารกลางยุโรปได้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการคาดการณ์ไว้ที่ 2.4% ในปี 2024, 2.1% ในปี 2025 และ 1.9% ในปี 2026 ในขณะเดียวกันได้มีการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนจะลดลงเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเชื่อว่าต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการต่างๆจะเริ่มชะลอตัวลงในปีหน้า เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีความกังวลว่าต้นทุนในการกู้ยืมยังคงเป็นตัว เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งก่อนยังคงส่งผลกระทบต่อสินเชื่อที่มีอยู่ โดยธนาคารกลางยุโรปได้คาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจว่าจะช้าลงกว่าเดิม โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 0.7% ในปี 2024, 1.1% ในปี 2025 และ 1.4% ในปี 2026

PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนอยู่ที่ 45.2 ในเดือนธันวาคม โดยตัวเลขยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมในภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงงานต่างๆ จำเป็นต้องลดการผลิตให้ได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า นอกจากนี้การลดลงดังกล่าวยังส่งผลให้ความต้องการกำลังการผลิตลดลง ผู้ผลิตจำนวนากจึงลดจำนวนพนักงาน โดยเฉพาะในเยอรมนีและฝรั่งเศสที่ได้แสดงให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจน ในด้านราคา ต้นทุนการผลิตพบว่าลดลงในอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือน

ด้าน PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 51.4 ในเดือนธันวาคมจาก 49.5 ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะทรงตัวที่ 49.5 ตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการขยายตัวอีกครั้งของกิจกรรมภาคบริการหลังจากหดตัวครั้งแรกในรอบ 10 เดือนในเดือนพฤศจิกายน โดยคำสั่งซื้อใหม่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การจ้างงานยังคงทรงตัว ในขณะที่ต้นทุนการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุปสงค์ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ดุลการค้าของยูโรโซนเกินดุล 6.8 พันล้านยูโรในเดือนตุลาคม ลดลงจาก 9.4 พันล้านยูโรในปีก่อน โดยการนำเข้าของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 3.2% เป็น 247.2 พันล้านยูโร ในขณะการส่งออกของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 2.1% เป็น 254 พันล้านยูโร ซึ่งสอดคล้องกับความกังวลล่าสุดเกี่ยวกับภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยูโรโซน รอสินค้าส่งออกของยูโรโซนส่วนใหญ่ยังคงเป็นการส่งออกเคมีภัณฑ์ ในขณะที่ยอดขายด้านพลังงานซึ่งรวมไปถึงเครื่องจักรและยานพาหนะยังคงมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่อง