เศรษฐกิจจีนยังต้องการการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงประมาณ 7.35 หยวนต่อดอลลาร์ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน โดยสาเหตุส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าทางธนาคารกลางจีนจะพยายามเพิ่มเสถียรภาพของค่าเงินกยวนก็ตาม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่องว่างมากพอที่จะมีการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินและการสนับสนุนทางการคลังเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผลตอบแทนของจีนที่ลดลง และความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของจีนลดลง ซึ่งอาจะรวมไปถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย โดยสัญญาณล่าสุด ธนาคารกลางจีนได้วางแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยเปลี่ยนโฟกัสจากการเติบโตของสินเชื่อไปที่แนวทางนโยบายเพื่อจัดการกับกำลังการผลิตส่วนเกินและภาวะเงินฝืดที่กำลังเกิดขึ้น
สำรองเงินตราต่างประเทศของจีนลดลงเหลือ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ถือเป็นการทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จาก 3.26 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน โดยการลดลงในช่วงที่ผ่านมายังคงได้รับผลกระทบมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 1.2% และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข่งค่าเคลื่อน 2.6% ในขณะเดียวกัน สำรองทองคำอยู่ที่ 73.29 ล้านออนซ์ทรอย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 72.96 ล้านออนซ์ทรอยในเดือนก่อนหน้า โดยแสดงให้เห็นว่าประเทศจีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการซื้อทองคำมากที่สุด รวมไปถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
PMI ภาคการผลิตของจีนลดลงอย่างรวดเร็วจนมาอยู่ที่ 50.1 ในเดือนธันวาคม จากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงแสดงให็เห็นถึงการขยายตัวของกิจกรรมในภาคการผลิตเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่รัฐบาลได้ตัดสินใจดำเนินมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจต่างๆ มาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน โดยผลผลิตที่สามารถทำได้ยังคงมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้การซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของภาคการผลิตยังคงมีอยู่ เนื่องจากทั้งคำสั่งซื้อจากต่างประเทศและการจ้างงานมีแนวโน้มอ่อนแอลง นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการค้าขายที่อาจทวีความตึงเครียดมากขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ ในขณะที่การขนส่งสินค้าเกิดความล้าช้ามากที่สุดตั้งแต่ปี 2023 อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตที่ลดลงทำให้บริษัทต่างๆ ไม่จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนมากนัก
PMI ภาคบริการของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 52.2 ในเดือนธันวาคม จาก 51.5 ในเดือนพฤศจิกายน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 51.7 ตัวเลขล่าสุดถือเป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดในภาคบริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยได้รับแรงหนุนจากเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ การเติบโตของยอดขายนั้นยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2023 ท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน การจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการปลดพนักงานออกบางส่วนเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต ในขณะเดียวกัน ราคาวัตถุดิบกับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงได้รับผลกระทบจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกแล้วแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากบริษัทต่างๆจำเป็นต้องส่งต่อต้นทุนภาระที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.6% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ธนาคารประชาชนจีนส่งสัญญาณว่าธนาคารจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะให้ความสำคัญกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าการออกมาตราการเพิ่มกระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนกันยายน อัตราดอกเบี้ยหลักของจีน ได้ถูกปรับลดลงจาก 1.7% เหลือ 1.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2012 เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม หวัง ซิน ได้เปิดเผยแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2025 และได้ออกแนวโน้มการปรับลดอัตราส่วนการสำรองเงินตรา (RRR) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 6.6% โดยเฉลี่ย เพื่อเป็นเครื่องมือในการเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 7.3403, 7.3432, 7.3473
แนวรับสำคัญ: 7.3333, 7.3292, 7.3263
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 7.3292 - 7.3333 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 7.3333 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.3432 และ SL ที่ประมาณ 7.3263 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 7.3403 - 7.3432 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.3473 และ SL ที่ประมาณ 7.3292 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 7.3403 - 7.3432 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 7.3403 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.3292 และ SL ที่ประมาณ 7.3473 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 7.3292 - 7.3333 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.3263 และ SL ที่ประมาณ 7.3432 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 7.3263 | 7.3292 | 7.3333 | 7.3362 | 7.3403 | 7.3432 | 7.3473 |
Fibonacci | 7.3292 | 7.3319 | 7.3335 | 7.3362 | 7.3389 | 7.3405 | 7.3432 |
Camarilla | 7.3356 | 7.3362 | 7.3369 | 7.3362 | 7.3381 | 7.3388 | 7.3394 |
Woodie's | 7.3269 | 7.3295 | 7.3339 | 7.3365 | 7.3409 | 7.3435 | 7.3479 |
DeMark's | - | - | 7.3348 | 7.3369 | 7.3418 | - | - |