บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 8 มกราคม 2568

Create at 2 weeks ago (Jan 08, 2025 10:40)

ตลาดหุ้นผันผวนรับปี 2025 ท่ามกลางกังวลเงินเฟ้อและท่าทีระวังของเฟด

ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวนมื่อปี 2024 สิ้นสุดลง และเข้าสู่ปี 2025 หลังจากปีที่แข็งแกร่งซึ่งดัชนี S&P 500 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 23% ทำสถิติผลงานดีที่สุดในรอบสองปีนับตั้งแต่ปี 1997-1998 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงานที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญเกี่ยวกับเงินเฟ้อและนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีไปสู่การใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2025 ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อาจอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างไม่คาดคิด โดยจำนวนตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 8.79 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน กิจกรรมในภาคบริการก็เร่งตัวขึ้นในเดือนธันวาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รายงานเหล่านี้กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.699% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อาจดำเนินต่อไป

ตลาดตอบสนองต่อข้อมูลดังกล่าวด้วยความผันผวนที่เพิ่มขึ้น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย และบริการสื่อสารปรับตัวลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณสุขปรับตัวเพิ่มขึ้น หุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA) ร่วงลง 6.22% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นกดดันหุ้นเติบโตซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ส่วน Tesla (NASDAQ:TSLA) ลดลง 4% หลังจากถูกลดอันดับโดยนักวิเคราะห์รายใหญ่ที่อ้างถึงความกังวลด้านมูลค่าหุ้นและอุปสงค์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการเชิงบวกช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น Citigroup (NYSE:C) และ Bank of America (NYSE:BAC) ซึ่งได้รับประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองยิ่งสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่ารัฐบาลอาจผ่อนคลายนโยบายภาษีศุลกากรต่อคู่ค้ารายสำคัญ ในทางกลับกัน ทรัมป์ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและการเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อจากต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้นและความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเพิ่มระดับความไม่แน่นอนให้กับตลาดทั่วโลก

ด้านตลาดพันธบัตรมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในช่วงต้นปี 2025 เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ รีบออกตราสารหนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากส่วนต่างเครดิตที่ยังอยู่ในระดับดี ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยอาจปรับตัวสูงขึ้น โดยปริมาณการออกตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงแตะระดับ 1.52 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2023 สะท้อนถึงการกู้ยืมของภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามหาทางจัดหาแหล่งเงินทุนก่อนที่เงื่อนไขการเงินจะเข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าฐานะทางการเงินของบริษัทต่าง ๆ ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เกิดการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน

นักกลยุทธ์ตลาดคาดการณ์ว่าความผันผวนจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปี 2025 โดยอ้างอิงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน นักวิเคราะห์จาก UBS เตือนว่าความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ภาษีศุลกากร และความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงต่อไป ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนและกดดันการประเมินมูลค่าหุ้น นอกจากนี้ ยังมีการเน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและยุโรป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและตลาดพลังงาน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าหุ้นเติบโตจะเผชิญกับแรงกดดัน แต่ความเชื่อมั่นโดยรวมของตลาดยังขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเผยแพร่ในอนาคต เช่น รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราเงินเฟ้อ นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงระยะสั้นและแนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาวตลอดปี 2025 ขณะเดียวกันก็จับตาดูการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการพัฒนานโยบายการคลังอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้เป็นแนวทางต่อไป

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 42618.1, 42623.9, 42633.3

แนวรับสำคัญ : 42599.3, 42593.5, 42584.1                   

30Min Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 42583.3 - 42599.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 42599.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42620.0 และ SL ที่ประมาณ 42575.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 42618.1 - 42634.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42653.0 และ SL ที่ประมาณ 42591.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42618.1 - 42634.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 42618.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42595.4 และ SL ที่ประมาณ 42642.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 42583.3 - 42599.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42564.0 และ SL ที่ประมาณ 42626.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 8, 2025 09:51AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 42570.8 42584.1 42595.4 42608.7 42620 42633.3 42644.6
Fibonacci 42584.1 42593.5 42599.3 42608.7 42618.1 42623.9 42633.3
Camarilla 42600 42602.3 42604.5 42608.7 42609.1 42611.3 42613.6
Woodie's 42569.8 42583.6 42594.4 42608.2 42619 42632.8 42643.6
DeMark's - - 42602.1 42612.1 42626.7 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES