ค่าเงินปอนด์ร่วง ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปีและปัญหาการคลัง

ค่าเงินปอนด์อังกฤษล่าสุดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปี โดยมีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ $1.2239 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน จากความเชื่อมั่นที่ลดลงในแนวโน้มการคลังของสหราชอาณาจักรและต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินปอนด์ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเส้นทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ทวีความรุนแรงขึ้น ท่ามกลางการเทขายพันธบัตรทั่วโลกที่ได้ซ้ำเติมสถานการณ์นี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลัง โดยแม้ว่าอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมักเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อค่าเงิน แต่ความกลัวต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจได้บดบังแนวโน้มการฟื้นตัว รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซาราห์ บรีเดน ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงอย่างต่อเนื่องอาจบั่นทอนค่าเงินปอนด์ต่อไป

ด้านรัฐบาลแรงงานใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการปฏิบัติตามกฎการคลัง ท่ามกลางต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ในขณะที่รัฐบาลเตรียมขายพันธบัตรในปริมาณมากเพื่อระดมทุนสำหรับบริการสาธารณะและการลงทุน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 10 ปีและ 30 ปีพุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ สะท้อนถึงความปั่นป่วนในตลาดที่ได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยระดับโลก อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ เช่น PIMCO ยังคงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับพันธบัตรอังกฤษ โดยระบุว่าส่วนใหญ่ของการเทขายพันธบัตรนั้นมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

สำหรับตัวชี้วัดเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแสดงสัญญาณการชะลอตัว การเติบโตของเครดิตผู้บริโภคลดลงสู่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ขณะที่ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจำกัดความสามารถของธนาคารกลางอังกฤษในการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก ท่ามกลางธุรกิจต่างๆ ที่กำลังรับมือกับการปรับขึ้นภาษีธุรกิจที่กำลังจะมาถึง ซึ่งนำไปสู่การปรับลดต้นทุน เช่น การขึ้นราคาสินค้าและการลดพนักงาน ขณะที่ภาคค้าปลีก แม้จะมียอดขายในช่วงวันหยุดบางส่วนที่แข็งแกร่ง แต่ก็คาดการณ์ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายมากขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงและต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางภาคการผลิตและการก่อสร้างที่กำลังประสบปัญหาเช่นกัน โดยมีกิจกรรมที่หดตัวและการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ลดลง

ทั้งนี้ นโยบายการคลังล่าสุดของรัฐบาลแรงงาน แม้จะมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้สาธารณะ โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับวินัยทางการคลังจะยังคงเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขึ้นภาษีและกลยุทธ์การคลังระยะยาว โดยจุดอ่อนเชิงโครงสร้าง อัตราภาษีที่สูง และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงเป็นอุปสรรคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า GDP ของสหราชอาณาจักรจะเติบโตเล็กน้อยที่ 1.5% ในปี 2025 ซึ่งได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากแผนการใช้จ่ายของรัฐบาล ท่ามกลางแนวโน้มโดยรวมที่ยังคงถูกปกคลุมด้วยความไม่แน่นอนทางการเงินและความจำเป็นในการตัดสินใจทางการคลังที่ยากลำบาก

ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สามในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยแม้จะลดลงเล็กน้อยก่อนหน้านี้ แต่อัตราผลตอบแทนยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความกังวลด้านเงินเฟ้อที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเสนอ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแตะระดับ 4.73% ในวันพุธ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความกลัวเรื่องเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ซึ่งได้ลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐฯ และส่งผลให้ธนาคารกลางอาจต้องดำเนินนโยบายการเงินด้วยความระมัดระวัง โดยตลาดจะจับตาดูรายงานการจ้างงานในวันศุกร์เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานใหม่ 150,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานคงที่ที่ 4.2% เพื่อประเมินถึงทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลาง

ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยจำนองเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ทำให้ความสามารถในการซื้อบ้านลดลง แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางก่อนหน้านี้ ขณะที่ข้อมูลตลาดแรงงานชี้ให้เห็นถึงภาพที่หลากหลาย โดยตำแหน่งงานว่างที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนพฤศจิกายน ถูกหักล้างจากการชะลอตัวของการจ้างงาน ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของอุปสงค์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลาง PMI ภาคบริการในเดือนธันวาคมที่แสดงถึงความแข็งแกร่งที่ไม่คาดคิด สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภาคบริการ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนปัจจัยการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นยังคงบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่คงอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงในปีนี้ ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ยังคงถูกลดทอนจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นและนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2308, 1.2312, 1.2317

แนวรับสำคัญ : 1.2298, 1.2294, 1.2289

1H Outlook

ที่มา: TradingView 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2278 - 1.2298 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2298 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2311 และ SL ที่ประมาณ 1.2268 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2308 - 1.2328 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2332 และ SL ที่ประมาณ 1.2288 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2308 - 1.2328 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2308 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2297 และ SL ที่ประมาณ 1.2338 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2278 - 1.2298 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2272 และ SL ที่ประมาณ 1.2318 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 10, 2025 09:39AM GMT+7