การเติบโตของเศรษฐกิจในอินเดียมีแนวโน้มชะลอตัวลง

ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการไหลออกของเงินทุนที่เพิ่มมากขึ้น, การสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงและแนวโน้มคนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นักลงทุนไปซื้อสินทรัพย์อื่นๆในเอเชียมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังว่าธนาคารการอินเดียอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงและการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

สำรองเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารกลางอินเดียถือครองลดลงเหลือ 640 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2024 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน และลดลงต่อเนื่องมาจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 704.9 พันล้านดอลลาร์ การลดลงนี้เกิดจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวในอินเดียทำให้ผู้ลงทุนเลือกที่จะไม่ลงทุนในตลาดทุนในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและการร่วงลงของดัชนี Sensex ทำให้ธนาคารกลางอินเดียจำเป็นต้องลดเงินสำรองเพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว

PMI ภาคการผลิตของอินเดียลดลงเหลือ 56.4 ในเดือนธันวาคม นับว่าเป็นการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดตั้งแต่ปี 2023 โดยผลกระทบส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงของผลผลิต ซึ่งรวมไปถึงคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งแสดงให้เห็นถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นในที่สุดติดต่อกัน ในด้านต้นทุนวัตถุดิบพบว่าอัตราเงินเฟ้อของต้นทุนยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเชื่อมั่นของภาคการผลิตเพิ่มขึ้นอีกครั้งเนื่องจากการคาดการณ์การเติบโตในปี 2025 ที่แสดงให้เห็นถึงการลงทุนเพิ่มเติมและความต้องการที่แข็งแกร่ง

PMI ภาคบริการลดลงเหลือ 59.3 ในเดือนธันวาคม นับว่าเป็นการเติบโตของภาคบริการเดือนที่ 41 ติดต่อกัน โดยภาพบริการยังคงได้รับแรงสนับสนุนมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบ, ค่าแรงและค่าวัสดุที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในภาคบริการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว เนื่องจากการเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ได้สร้างแรงกดดันด้านราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจของอินเดียคาดว่าจะเติบโต 6.4% ในปี 2024 ซึ่งจะสิ้นสุดการเก็บข้อมูลในเดือนมีนาคม 2025 การคาดการณ์ดังกล่าวถือว่าปีที่มีอัตราการเติบโตที่ใช้ที่สุดตั้งแต่ปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจาก covid และลดลงจากการเติบโต 8.2% ในปีก่อนหน้า โดยการเติบโตที่ชะลอตัวลงนี้ มาจากสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการใช้จ่ายของภาคเอกชนและภาครัฐจะเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ การส่งออกเติบโตในอัตราที่เร็วขึ้น ในขณะที่การนำเข้าหดตัว คาดว่าการเติบโตของภาคการผลิตจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรกรรมที่แข็งแกร่งได้ช่วยชดเชยการเติบโตในปี 2024 ได้

อัตราเงินเฟ้อในอินเดียลดลงเหลือ 5.22% ในเดือนธันวาคม สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดที่ 5.3% และยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายของ RBI ที่ 4-6% โดยอัตราเงินเฟ้อสำหรับราคาอาหารซึ่งครอบคลุมกว่าเกือบครึ่งหนึ่งของสินค้าอุปโภคบริโภคของอินเดีย ชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 8.39% อย่างไรก็ตามฆ่าเชื้อเพลิงและพลังงานลดลงอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของราคาสินค้าในอนาคตที่อาจชะลอตัวลงได้อีก

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 86.675, 86.752, 86.851

แนวรับสำคัญ: 86.499, 86.4, 86.323

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 86.4 - 86.499 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 86.499 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 86.752 และ SL ที่ประมาณ 86.323 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 16 มกราคม 2568 21:45 น. GMT+7