เศรษฐกิจออสเตรเลีย: แรงงานแข็งแกร่ง เงินเฟ้อสูง ความเชื่อมั่นอ่อนตัว

เศรษฐกิจออสเตรเลีย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทั้งในระดับโลกและภายในประเทศ แสดงสัญญาณหลากหลายในตลาดแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในด้านการจ้างงาน ความท้าทายด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่ และความหวัง รวมถึงความระมัดระวังต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ตลาดแรงงานของออสเตรเลียแสดงความแข็งแกร่งอย่างมากในเดือนธันวาคม การจ้างงานเพิ่มขึ้น 56,300 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 15,000 ตำแหน่ง โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของงานพาร์ทไทม์ อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 67.1% และการเติบโตของงานในรอบปีเร่งขึ้นถึง 3.1% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึงสองเท่า แม้ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นจาก 3.9% เป็น 4.0% แต่ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในแรงงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าความอ่อนแอของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งแสดงถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่จำกัดจากตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ เงินเฟ้อยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย โดยเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.2% ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายของ RBA ที่ 2-3% ปัจจัยสำคัญมาจากค่าใช้จ่ายด้านอาหารและที่อยู่อาศัย แม้ว่าการลดลงของอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย (trimmed mean inflation) จาก 3.5% จะสร้างความหวังในการลดแรงกดดัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขเหล่านี้เพิ่มโอกาสที่ RBA จะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าธนาคารกลางจะยังคงใช้ความระมัดระวัง โดยอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 4.35% ถูกมองว่าเข้มงวดเพียงพอที่จะควบคุมเงินเฟ้อและสนับสนุนการจ้างงาน

ด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอลงอีกในเดือนมกราคม โดยดัชนี Westpac-Melbourne Institute ลดลง 0.7% เหลือ 92.1 ความเครียดทางการเงินจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงและแรงกดดันด้านค่าครองชีพส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น โดยเฉพาะด้านการเงินของครัวเรือน แม้ว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นในช่วงวัน Black Friday ในเดือนพฤศจิกายน แต่การเติบโตของยอดค้าปลีกที่ 0.8% ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์เตือนว่าผลกระทบในช่วงฤดูกาลดังกล่าวอาจถูกลดทอนด้วยการใช้จ่ายที่อ่อนแอกว่าในเดือนธันวาคม แม้ว่าจะมีการลดภาษีและเงินเฟ้อที่ชะลอตัว การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สำหรับดุลการค้าของออสเตรเลียในเดือนพฤศจิกายนสูงกว่าที่คาดการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 4.8% ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้น มีบทบาทสำคัญ การส่งออกเชื้อเพลิงแร่ยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเอเชียและยุโรป อย่างไรก็ตาม การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในด้านการลงทุนทางธุรกิจ ส่งผลให้ดุลการค้าโดยรวมลดทอนลง

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางออสเตรเลียเผชิญกับความท้าทายในการสร้างสมดุล แม้ว่าเงินเฟ้อดูเหมือนจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานที่ยังคงมีอยู่ได้สร้างความลำบากต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในทันที โดยความคาดหวังของตลาดระบุว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 และการลดอัตราเร็วกว่านั้นยังเป็นไปได้หากข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกบ่งชี้ถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคและประสิทธิภาพการค้าภายนอกของออสเตรเลียจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินและทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจเริ่มอ่อนตัวลง โดยนักวิเคราะห์จาก BCA Research เตือนว่าค่าเงินดอลลาร์อาจมีมูลค่าสูงเกินไป แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์อาจรักษาโมเมนตัมในระยะสั้นไว้ได้ แต่ตัวชี้วัดด้านโครงสร้างและวัฏจักรเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงความเปราะบางที่อาจเกิดขึ้น นักวิเคราะห์ซึ่งยังคงมีมุมมองอย่างระมัดระวังต่อค่าเงินดอลลาร์ แนะนำสกุลเงินทางเลือก เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) โดยปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นใน AUD ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง ตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพ และบทบาทสำคัญในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีน ซึ่งแร่เหล็กคุณภาพสูงของออสเตรเลีย โลหะสำคัญสำหรับพลังงานสะอาด เช่น นิกเกิลและโคบอลต์ รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สร้างโอกาสในการเติบโตระยะยาวสำหรับ AUD แม้ว่าจะมีความท้าทายภายในประเทศ อย่างเช่น หนี้ผู้บริโภค แต่มูลค่าของสกุลเงินที่อยู่ในระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าความเสี่ยงขาลงมีจำกัดหากไม่มีวิกฤตการณ์ระดับโลกที่รุนแรง

ทั้งนี้ ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์เตรียมตัวสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ตลาดคาดการณ์ถึงคำสั่งฝ่ายบริหารที่อาจมีผลต่อการปรับเปลี่ยนนโยบาย โดยคาดว่าจะเห็นผลกระทบแรกในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการซื้อขายในเอเชีย หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและแรงขับเคลื่อนจากการหาเสียงของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันจันทร์ ท่ามกลางความระมัดระวังของนักลงทุน ขณะที่จุดเปลี่ยนสำคัญรวมถึงการเปิดตัวโทเค็นดิจิทัลจากทรัมป์ ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างสภาวะที่ไม่ปกติในพัฒนาการทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้

ด้านข้อมูลล่าสุดสะท้อนสัญญาณที่หลากหลายในเศรษฐกิจสหรัฐ การก่อสร้างบ้านเดี่ยวแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนในเดือนธันวาคม และจำนวนใบอนุญาตก่อสร้างในอนาคตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยจำนองที่เพิ่มขึ้นและจำนวนบ้านที่ล้นตลาดอาจจำกัดการฟื้นตัวต่อไป ขณะที่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาดำเนินการของโบอิ้งหลังจากการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีที่อาจเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลทรัมป์อาจเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบและขัดขวางการฟื้นตัวนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD AUD/USD

แนวต้านสำคัญ : 0.6211, 0.6213, 0.6218

แนวรับสำคัญ : 0.6201, 0.6199, 0.6194                        

1H Outlook              

ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.6191 - 0.6201 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.6201 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6214 และ SL ที่ประมาณ 0.6186 รือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6211 - 0.6221 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6230 และ SL ที่ประมาณ 0.6196 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6211 - 0.6221 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.6211 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6201 และ SL ที่ประมาณ 0.6226 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.6191 - 0.6201 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6180 และ SL ที่ประมาณ 0.6216 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 20, 2025 09:37AM GMT+7